เฮนรี พอลสัน รมว.คลังสหรัฐกล่าวในที่ประชุมร่วมกับ ออกัสติน คาร์สเตนส์ รมว.คลังเม็กซิโกว่า ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นกำลังเป็นภาระอันหนักหน่วงต่อสหรัฐ และยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวนานออกไปอีก
"ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นกำลังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐ อีกทั้งยังสร้างภาระอันหนักหน่วงให้กับผู้บริโภคชาวอเมริกันและประชาชนทั่วโลก นอกจากนี้ ผมมองว่าราคาน้ำมันที่แพงขึ้นยังทำให้เศรษฐกิจตกอยู่ในความเสี่ยงที่ยาวนานอีกด้วย" พอลสันกล่าวกับผู้สื่อข่าวภายหลังการประชุม
นอกจากนี้ พอลสันยังคงย้ำมุมมองเดิมที่ว่า "ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงเป็นผลมาจากปัจจัยด้านอุปสงค์และอุปทาน และคาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะยังไม่สามารถฟื้นตัวได้ในเร็ววัน หลายฝ่ายมองหาแนวทางที่จะแก้ไขปัญหาดังกล่าว แต่พวกเขาไม่ได้มองดูสถานการณ์ที่แท้จริง ผมเชื่อว่าแนวทางการแก้ปัญหาที่ถูกต้องคือการเพิ่มปริมาณการผลิตน้ำมัน และลดความต้องการลง"
เมื่อวานนี้ กลุ่มผู้เชี่ยวชาญได้ชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการด้านพลังงานและพาณิชย์แห่งสภาคองเกรสสหรัฐว่า ราคาน้ำมันจะลดลงครึ่งหนึ่งหากเจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติใช้กฎข้อบังคับที่เข้มงวดด้านการซื้อขายสัญญาน้ำมันในตลาดล่วงหน้า
ไมค์ มาสเตอร์ส ผู้จัดการเฮดจ์ฟันด์รายหนึ่งกล่าวต่อคณะกรรมาธิการฯว่า รคาน้ำมันอาจลดลงแตะระดับ 65-70 ดอลลาร์ หากสภาคองเกรสผ่านร่างกฏหมายควบคุมการซื้อขายสัญญาน้ำมันในตลาดล่วงหน้าซึ่งปัจจุบันดูแลโดยคณะกรรมการกำกับดูแลการค้าสินค้าโภคภัณฑ์ในตลาดล่วงหน้าของสหรัฐ (CFTC)
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--