กระทรวงการคลังของญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ยอดเกินดุลการค้าของญี่ปุ่นในเดือนพ.ค.ร่วงลง 7.6% จากระดับในปีก่อนหน้านี้แตะที่ 3.6561 แสนล้านเยน (3.39 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เนื่องจากราคาน้ำมันดิบและสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งสูงขึ้นส่งผลให้ยอดการนำเข้าเพิ่มขึ้น ขณะที่ยอดส่งออกชะลอตัวเพราะอุปสงค์ในสหรัฐและกลุ่มประเทศสหภาพยุโรป(อียู)ปรับตัวลดลง
อย่างไรก็ตาม ยอดเกินดุลการค้าในเดือนพ.ค.ยังอยู่ในระดับสูงกว่าที่นักวิเคราะห์จากโพลล์ของธอมสัน ไอเอฟอาร์ มาร์เก็ตส์คาดการณ์ไว้ในระดับ 2.10 แสนล้านเยน
กระทรวงการคลังเปิดเผยว่า ยอดการนำเข้าโดยรวมในเดือนพ.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 4.4% แตะที่ 6.44 ล้านล้านเยน โดยมียอดนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น 53.4% เนื่องจากราคาน้ำมันเฉลี่ยถีบตัวสูงขึ้น 63.4% แตะที่ 107.60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นอกจากนี้ ยอดการนำเข้าสินค้าโภคภัณฑ์ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นจากราคาสินค้าที่สูงขึ้น โดยยอดนำเข้าถ่านหินถีบตัวขึ้น 47.4% และยอดนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลวพุ่งขึ้น 21.1%
ด้านการส่งออกชะลอตัวเล็กน้อยที่ระดับ 3.7% แตะที่ 6.81 ล้านล้านเยน จากระดับเดือนเม.ย.ที่พุ่งขึ้น 4.0% และเพิ่มขึ้น 2.3% ในเดือนมี.ค.ซึ่งนับเป็นสถิติที่ขยายตัวที่ช้าที่สุดในรอบ 3 ปี
ในด้านของตลาดส่งออกในแต่ละประเทศพบว่า ยอดส่งออกไปยังสหรัฐร่วงลงเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกันที่ระดับ 9.5% ซึ่งเป็นสถิติการปรับตัวลดลงที่ยาวนานที่สุด นับตั้งแต่ญี่ปุ่นมียอดส่งออกไปสหรัฐลดลงต่อเนื่องนาน 14 เดือนเมื่อเดือนก.พ.ปี 2547 ขณะที่การส่งออกไปยังกลุ่มประเทศอียูร่วงลงเป็นครั้งแรกในรอบ 31 เดือนที่ระดับ 1.1% เนื่องจากเศรษฐกิจในยุโรปส่งสัญญาณถึงภาวะชะลอตัว
อย่างไรก็ตาม การส่งออกไปยังประเทศในแถบเอเชียด้วยกันยังคงแข็งแกร่งด้วยยอดส่งออกที่เพิ่มขึ้น 8.1% ในเดือนพ.ค. โดยเฉพาะยอดการส่งออกไปยังประเทศจีนที่ทะยานขึ้น 12.3%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--