นักวิเคราะห์ในแวดวงอุตสาหกรรมสิ่งทอกล่าวว่า จากภาวะราคาพลังงานในประเทศพุ่งสูงอาจกดดันให้อุตสาหกรรมสิ่งทอของจีนต้องเผชิญกับมรสุมระลอกใหม่ หลังจากที่ภาคธุรกิจดังกล่าวเพิ่งจะได้รับผลกระทบจากภาวะเงินหยวนแข็งค่าและต้นทุนแรงงานและวัตถุดิบที่ปรับตัวสูงขึ้น
หนังสือพิมพ์ไชน่า ซีเคียวริตี้ รายงานโดยอ้างคำกล่าวของนายหวัง เฉียนจิน นักวิเคราะห์จาก Webtextiles.com ว่า ราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นอาจสร้างแรงกดดันต่อส่วนต่างผลกำไรในภาคอุตสาหกรรมสิ่งทอ เนื่องจากภาคธุรกิจดังกล่าวเป็นกลุ่มที่ใช้พลังงานไฟฟ้ารายใหญ่ ซึ่งต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายด้านต้นทุนพลังงานที่พุ่งสูงขึ้น
ทั้งนี้ คณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีนออกแถลงการณ์ปรับขึ้นราคาน้ำมันเบนซินและดีเซลขึ้นอีก 16% และ 18% แตะที่ 6,980หยวน (997.1 ดอลลาร์สหรัฐ) และ 6,520 หยวนตามลำดับ และจะขึ้นราคาไฟฟ้าขึ้นอีก 0.025 หยวนต่อกิโลวัตต์ชม. ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.เป็นต้นไป ซึ่งสูงกว่าอัตราเฉลี่ย 4.7%
การปรับขึ้นราคาเชื้อเพลิงและค่าไฟฟ้าจะส่งผลให้ภาคธุรกิจสิ่งทอแบกรับภาระค่าใช้จ่ายสูงถึง 3.75 พันล้านหยวนต่อปี หรือ 3.2% ของตัวเลขผลกำไรที่ภาคธุรกิจนี้ทำไว้ในปี 2550 ขณะเดียวกัน ราคาเชื้อเพลิงที่ปรับตัวสูงขึ้นจะยิ่งผลักดันให้ราคาวัตถุดิบและค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งปรับตัวสูงขึ้นตามมา
ผู้เชี่ยวชาญในแวดวงอุตสาหกรรมสิ่งทอกล่าวว่า เงินหยวนที่แข็งค่าขึ้นทุกๆ 1% จะฉุดรั้งผลกำไรของภาคธุรกิจดังกล่าวให้ถดถอยลง 2-10% ซึ่งในปีนี้ เงินหยวนแข็งค่าขึ้นไปแล้วกว่า 6% เมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ
ทั้งนี้ ผลสำรวจของสภาอุตสาหกรรมสิ่งทอของจีนระบุว่า เมื่อปีที่ผ่านมาภาคธุรกิจสิ่งทอมีส่วนต่างผลกำไรโดยเฉลี่ยที่ 3.9% แต่มีบริษัท 2 ใน 3 ของภาคอุตสาหกรรมนี้ที่มีอัตราส่วนต่างผลกำไรเฉลี่ยเพียง 0.62%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--