FED มีมติคงอัตราดอกเบี้ยที่ 2.00% แต่คาดราคาน้ำมันพุ่งอาจหนุนเงินเฟ้อสูงขึ้น

ข่าวต่างประเทศ Thursday June 26, 2008 05:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้น (fed funds rate) ไว้เท่าเดิมที่ 2.00% และคงอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน (discount rate) ที่ 2.25% ซึ่งเป็นการลงมติด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 1 อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดได้แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ
อัตราดอกเบี้ยมาตรฐานคืออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่เฟดเรียกเก็บจากธนาคารพาณิชย์ซึ่งกู้ยืมโดยตรงจากเฟด ส่วนอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นคืออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ข้ามคืนที่ธนาคารพาณิชย์เรียกเก็บจากการกู้ยืมระหว่างกัน
ทั้งนี้ คณะกรรมการเฟดได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมว่า "อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นปานกลางในปีนี้และปีหน้า ราคาน้ำมันและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่นๆยังคงพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐเพิ่มขึ้นด้วย"
"ข้อมูลที่เฟดรวบรวมได้เมื่อไม่นานมานี้บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐยังคงขยายตัว ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตัวเลขการใช้จ่ายภาคครัวเรือนยังคงแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม ตลาดแรงงานยังคงซบเซาลงและตลาดการเงินยังคงอยู่ในภาวะตึงตัว ส่วนตลาดที่อยู่อาศัยชะลอตัวลงอย่างมาก ทั้งนี้ เฟดคาดว่าราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรงจะเป็นปัจจัยลบที่ฉุดรั้งเศรษฐกิจสหรัฐต่อไปในอีก 2-3 ไตรมาสข้างหน้า" แถลงการเฟดระบุ
เฟดยังกล่าวด้วยว่า "การที่คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดใช้มาตรการผ่อนปรนด้านการเงินด้วยการลดอัตราดอกเบี้ยหลายครั้งนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้วและอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินหลายครั้งนั้น ได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวขึ้นปานกลางในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีความเสี่ยงที่จะเผชิญช่วงขาลง หรืออาจจะถึงขั้นทรุดตัวลง ขณะที่ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อก็สูงขึ้นด้วยเช่นกัน"
"ทั้งนี้ คณะกรรมการเฟดจะยังคงจับตาดูสถานการณ์เศรษฐกิจและความคืบหน้าในตลาดการเงินต่อไป และเฟดจะใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อหนุนเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างยั่งยืน ควบคู่ไปกับการประคับประคองดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ให้มีเสถียรภาพ" แถลงการณ์เฟดระบุ
การประกาศคงอัตราดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นไปตามที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในตลาดวอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้ อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางกลุ่มคาดว่าเฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้เนื่องจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ