สำนักข่าวเกียวโดรายงานอ้างแหล่งข่าวในบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ว่า บริษัทกำลังพิจารณาที่จะขึ้นราคาขายปลีกรถยนต์ของบริษัทในประเทศญี่ปุ่น 1-3% ซึ่งอาจส่งผลกับราคารถยนต์ทุกรุ่น หลังจากที่ต้นทุนวัตถุดิบทะยานขึ้นจนกระทบต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัท
โดยคาดว่า โตโยต้า ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น จะตัดสินใจขั้นสุดท้ายในเรื่องนี้ในเดือนก.ค. หลังจากที่ได้ประเมินข้อมูลยอดขายในประเทศในช่วงครึ่งแรกของปี 2551 ซึ่งถ้าโตโยต้าตัดสินใจขึ้นราคารถทุกรุ่น ก็จะถือเป็นครั้งแรกในรอบ 34 ปี นับตั้งแต่ปีพ.ศ.2517 เมื่อครั้งที่เกิดวิกฤติน้ำมันในญี่ปุ่น และคาดว่าบรรดาบริษัทคู่แข่งจะเจริญรอยตาม
เมื่อวันพุธ คาร์ลอส โกส์น ประธานบริษัท นิสสัน มอเตอร์ ระบุว่าบริษัทจะขึ้นราคารถยนต์ของบริษัทที่จำหน่ายในญี่ปุ่น หลังได้รับผลกระทบจากต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นทั้งราคาเหล็กและอื่นๆ
อย่างไรก็ตาม การขึ้นราคารถในครั้งนี้อาจส่งผลถึงตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ของโตโยต้า เนื่องจากยอดขายรถยนต์ในประเทศยังคงซบเซา ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น โตโยต้าก็อาจพิจารณาขึ้นราคารถเพียงบางรุ่น หรือ ขึ้นราคารถรุ่นที่ได้รับการปรับปรุงใหม่
เมื่อเดือนที่แล้ว โตโยต้าและนิปปอน สตีล คอร์ป ซึ่งเป็นผู้ผลิตเหล็กรายใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น บรรลุข้อตกลงเรื่องการขึ้นราคาแผ่นเหล็กซึ่งเป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตรถยนต์อีกราว 30% ต่อตัน
ทั้งนี้ โตโยต้าและผู้ผลิตรถสัญชาติญี่ปุ่นรายอื่นๆ กำลังดิ้นรนเอาตัวรอดจากปัญหาราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น ด้วยการเพิ่มกำลังการผลิตและมาตรการอื่นๆ
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--