กระทรวงพาณิชย์อินโดนีเซียเปิดเผยว่า อินโดนีเซียจะขึ้นอัตราภาษีส่งออกน้ำมันปาล์มดิบเป็น 20% ในเดือนก.ค.นี้ จากเดิมที่ 15% หลังจากที่ราคาน้ำมันปาล์มดิบดีดตัวขึ้นในช่วงเดือนที่แล้ว
ระบบการจัดเก็บภาษีแบบก้าวหน้าในปัจจุบันของอินโดนีเซียนั้น จะมีการเก็บภาษีส่งออก 20% เมื่อราคาน้ำมันปาล์มดิบที่ร็อตเตอร์ดัมในเดือนที่แล้วแตะระดับ 1,200 ดอลลาร์ต่อตันหรือสูงกว่านั้น แต่ต่ำกว่าระดับ 1,300 ดอลลาร์
สำนักข่าวธอมสันไฟแนนเชียลรายงานว่า รัฐบาลจะใช้อัตราการจัดเก็บภาษีสูงสุดถึง 25% หากราคาน้ำมันปาล์มดิบแตะระดับ 1,300 ดอลลาร์ต่อตัน หากราคาร่วงลงต่ำกว่าระดับ 1,200 ดอลลาร์ต่อตัน รัฐบาลจะใช้อัตราภาษีที่ 15%
กระทรวงพาณิชย์ระบุว่า ราคาน้ำมันปาล์มดิบเดือนพ.ค.ในร็อตเตอร์ดัม เฉลี่ยอยู่ที่ 1,220 ดอลลาร์ต่อตัน จากระดับเดือนเม.ย.ที่ 1,181 ดอลลาร์ต่อตัน
ก่อนหน้านี้ รัฐบาลได้บังคับใช้มาตรการจัดเก็บภาษี 20% ในเดือนเม.ย. หลังจากที่ราคาน้ำมันปาล์มดิบในร็อตเตอร์ดัมโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 1,273 ดอลลาร์ต่อตันในเดือนมี.ค. ดังนั้น การส่งออกน้ำมันปาล์มดิบของอินโดนีเซียจึงตกลงถึง 62% แตะ 690 ล้านดอลลาร์ในเดือนเม.ย. จากระดับมี.ค.ที่ 1.82 พันล้านดอลลาร์
กระทรวงพาณิชย์ยังจะขึ้นราคาอ้างอิงส่งออกน้ำมันปาล์มดิบเป็น 1,144 ดอลลาร์ต่อตันในเดือนก.ค. จากระดับ 1,105 ดอลลาร์ต่อตันในเดือนมิ.ย.
ทั้งนี้ ราคาอ้างอิงเป็นราคาที่ใช้เป็นฐานในการคำนวณภาษีส่งออกน้ำมันปาล์มดิบ
อินโดนีเซียเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันปาล์มดิบรายใหญ่ที่สุดในโลก โดยผลผลิตน้ำมันปาล์มดิบทั่วประเทศในปีนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 18.4 ล้านตัน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--