(เพิ่มเติม) นายกฯ เผยจัดทำงบขาดดุลปี 52 ภายใต้คาดการณ์ GDP โต 5.5% เงินเฟ้อ 3.5%

ข่าวเศรษฐกิจ Friday June 27, 2008 15:15 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม เสนอร่างพ.ร.บ.ประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2552 ให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาวาระแรกในวันนี้ โดยระบุว่ารจัดทำงบประมาณรายจ่ายปี 52 อยู่ภายใต้กรอบคาดการณ์แนวโน้มอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(GDP)ที่ 5.5% อัตราเงินเฟ้อ 3.5%
ปัจจัยสนับสนุนที่สำคัญ ได้แก่ การขยายตัวของอุปสงค์ในประเทศที่ต่อเนื่องจากปี 51 โดยเฉพาะการลงทุนภาคเอกชนที่เร่งตัวขึ้น ประกอบกับนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาลในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ และการดำเนินการเพื่อการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ซึ่งคาดว่าจะเห็นผลได้ชัดเจนในปี 52
รัฐบาลยังได้ระดมทุนจากแหล่งต่างๆ ทั้งเงินกู้ในประเทศและต่างประเทศ เพื่อเร่งรัดการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของรัฐบาลให้มีความคืบหน้าตามเป้าหมาย รวมทั้งการดำเนินนโยบายงบประมาณขาดดุลต่อเนื่องในปีงบประมาณ 52 ที่จะช่วยสนับสนุนการขยายตัวของเศรษฐกิจที่สำคัญอีกทางหนึ่ง
อย่างไรก็ดี ปัจจัยที่ต้องพึงระวังในการบริหารจัดการเศรษฐกิจปี 52 ที่สำคัญ คือ ราคาน้ำมันและต้นทุนวัตถุดิบที่จะยังทรงตัวในระดับสูงและมีความผันผวนได้ง่าย ซึ่งจะทำให้อัตราเงินเฟ้อเร่งตัวสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ได้
นอกจากนั้น ในปี 52 ยังมีความไม่แน่นอนในเรื่องทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวในปี 51 ซึ่งจะกลายเป็นข้อจำกัดต่อการขยายตัวของการส่งออกไทยได้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า แนวทางการบริหารจัดการด้านรายจ่ายในปีงบประมาณ 52 รัฐบาลได้มุ่งเน้นการนำแนวทางปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาเป็นหลักในการพัฒนาและบริหารจัดการเพื่อให้เศรษฐกิจมีภูมิคุ้มกันและดำรงอยู่ได้อย่างยั่งยืนภายใต้กระแสโลกาภิวัฒน์และความเปลี่ยนแปลงต่างๆ ดังนั้นในการบริหารจัดการการใช้จ่ายภาครัฐจะยึดหลักของความมีประสิทธิภาพและสามารถนำนโยบายของรัฐบาลไปสู่การปฏิบัติได้อย่างเหมาะสมเกิดประสิทธิภาพอย่างแท้จริง
ทั้งนี้รัฐบาลได้กำหนดนโยบายงบประมาณปี 52 ไว้ 6 ข้อ คือ การดำเนินนโยบายงบประมาณแบบขาดดุล โดยคำนึงถึงกรอบความยั่งยืนทางการคลัง, ทบทวนการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐที่ไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ตอบสนองต่อนโยบายของรัฐบาลตามแผนการบริหารราชการแผ่นดินปี 51-54 และแผนปฏิบัติราชการโดยเฉพาะผลผลิต/โครงการ กิจกรรมต่างๆ ที่ลำดับความสำคัญลดลงหรือหมดความจำเป็น
เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการและการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ, กำหนดรายจ่ายลงทุนในจำนวนไม่ต่ำกว่าปีงบประมาณ 51 สนับสนุนการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัด และส่งเสริมการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น โดยเฉพาะการเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บรายได้ขององค์กรปกครองท้องถิ่นอย่างเต็มขีดความสามารถ และเร่งรัดการถ่ายโอนภารกิจให้ท้องถิ่นตามที่กำหนดไว้
ภายใต้กรอบนโยบายดังกล่าวในปีงบประมาณ 52 รัฐบาลกำหนดเป็นงบประมาณขาดดุล โดยกำหนดวงเงินงบประมาณรายจ่ายที่ 1.835 ล้านล้านบาท คิดเป็น 17.9% ของจีดีพี ประมาณการรายได้สุทธิ 1.585 ล้านล้านบาท คิดเป็น 15.4% ของจีดีพี โดยกำหนดเป็นเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 2.495 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 2.4% ของจีดีพี
สำหรับงบรายจ่ายประจำกำหนดไว้ที่ 1.336 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.1% จากปี 51 โดยรายจ่ายประจำคิดเป็นสัดส่วน 72.8% ของวงเงินงบประมาณ ด้านรายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงคลังกำหนดไว้ที่ 2.754 หมื่นล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 1.5% ของวงเงินงบประมาณ รายจ่ายลงทุนกำหนดไว้ที่ 4.073 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.7% จากปีงบ 51 คิดเป็นสัดส่วน 22.2% ของวงเงินงบประมาณ ส่วนรายจ่ายชำระคืนต้นเงินกู้จัดสรรไว้ 6.367 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 39.9% จากปีงบ 51 คิดเป็นสัดส่วน 3.5% ของวงเงินงบประมาณ
ทั้งนี้หากจัดลำดับหน่วยงานที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณในปี 52 สูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการ คิดเป็น 18% ของงบประมาณรายจ่าย รองลงมาคืองบกลาง คิดเป็น 13.6%, กระทรวงการคลัง คิดเป็น 11%, กระทรวงมหาดไทย คิดเป็น 10.7% และกระทรวงกลาโหม คิดเป็น 9.2%
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์จัดสรรงบประมาณไว้ 8 ยุทธศาสตร์ และ 1 รายการ ประกอบด้วย ยุทธศาสตร์การฟื้นฟูความเชื่อมั่นของประเทศ จำนวน 1.244 แสนล้านบาท, ยุทธศาสตร์การพัฒนาสังคมและคุณภาพชีวิต จำนวน 5.344 แสนล้านบาท, ยุทธศาสตร์การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจให้ขยายตัวอย่างสมดุล จำนวน 1.759 แสนล้านบาท, ยุทธศาสตร์เพื่อการบริหารจัดการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จำนวน 3.265 หมื่นล้านบาท
ยุทธศาสตร์การพัฒนาวิทยาศาสตร์ เทคโนโยลีและนวัตกรรม จำนวน 1.619 หมื่นล้านบาท, ยุทธศาสตร์การต่างประเทศและเศรษฐกิจระหว่างประเทศ จำนวน 8.977 พันล้านบาท, ยุทธศาสตร์การรักษาความมั่นคงของรัฐ จำนวน 1.875 แสนล้านบาท, ยุทธศาตร์การบริหารจัดการที่ดี จำนวน 3.015 แสนล้านบาท และรายการค่าดำเนินการภาครัฐ จำนวน 4.531 แสนล้านบาทเพื่อรองรับเหตุการณ์ฉุกเฉินหรือจำเป็น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ