ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: น้ำมันพุ่งฉุดดอลล์ร่วงเทียบสกุลเงินหลัก

          สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆเมื่อคืนนี้ (27 มิ.ย.) เนื่องจากสัญญาน้ำมันดิบไต่ระดับขึ้นทำสถิติใหม่ที่เกือบ 143 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่ารายได้สุทธิส่วนบุคคล (disposable income) ที่พุ่งขึ้นอาจช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคได้เพียงช่วงสั้นๆเท่านั้น
          สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์ร่วงลงแตะระดับ 106.16 เยน จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 106.77 เยน และร่วงลงแตะระดับ 1.0179 ฟรังค์สวิส จากระดับ 1.0237 ฟรังค์สวิส
          ค่าเงินยูโรขยับขึ้นแตะระดับ 1.5787 ดอลลาร์ จากระดับ 1.5753 ดอลลาร์ ส่วนเงินปอนด์เพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.9946 ดอลลาร์ จากระดับ 1.9886 ดอลลาร์
          ดอลลาร์นิวซีแลนด์แข็งค่าขึ้นแตะระดับ 0.7600 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7552 ดอลลาร์สหรัฐ
          สัญญาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ส่งมอบเดือนส.ค.พุ่งขึ้นสูงถึง 142.99 ดอลลาร์ในระหว่างวัน ก่อนที่จะถูกแรงขายทำกำไรในช่วงท้ายกดลงมาปิดที่ 140.21 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งก็ถือเป็นระดับปิดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เพิ่มขึ้นจากวันพฤหัสบดี 57 เซนต์
          ขณะเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์รายงานว่า รายได้สุทธิส่วนบุคคล (disposable income) หรือรายได้หลังการหักภาษีทะยานขึ้นสูงสุดนับแต่ปีพ.ศ.2518 อันเป็นผลมาจากการที่ผู้เสียภาษีเริ่มได้รับเช็คคืนภาษี โดยรายได้ที่เพิ่มขึ้นได้ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 0.8% มากสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.ปีที่แล้ว
          คณะบริหารหวังว่าเงินคืนภาษีในปีนี้จะช่วยให้เศรษฐกิจกระเตื้องขึ้น หลังจากที่ย่ำแย่มานานเพราะตลาดบ้านที่ยังคงซบเซา วิกฤติสินเชื่อที่เรื้อรัง และราคาพลังงานที่พุ่งต่อเนื่อง แต่นักเศรษฐศาสต์กังวลว่า การใช้จ่ายที่คึกคักจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น และเศรษฐกิจก็จะยังคงเข้าสู่ภาวะถดถอย
          ไมเคิล วูลโฟล์ก นักยุทธศาสตร์อาวุโสด้านค่าเงินจากแบงก์ ออก นิวยอร์ก เมลลอน คาดว่าดอลลาร์จะร่วงลงต่อในสัปดาห์หน้า ขณะที่ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จัดการประชุมเพื่อตัดสินใจเรื่องทิศทางดอกเบี้ยในวันพฤหัสบดี ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์หลายรายเชื่อว่า ECB น่าจะขึ้นดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อในเขตยูโรโซน แต่จะปล่อยไว้เท่าเดิมหลังจากนั้น โดย ECB ตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ 4% มาตั้งแต่เดือนมิ.ย.2550
          ทั้งนี้ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ จะช่วยให้เงินแข็งค่าขึ้นโดยให้ผลตอบแทนการลงทุนที่สูงขึ้น แต่ดอกเบี้ยที่ต่ำลงจะถ่วงให้สกุลเงินอ่อนค่าลง