สกุลเงินดอลลาร์ไต้หวันแข็งค่าขึ้นมากกว่าสกุลเงินอื่นๆในภูมิภาคเอเชียปีนี้ เพราะได้รับปัจจัยบวกจากการที่นายหม่า อิง จิว ประธานาธิบดีไต้หวันพยายามฟื้นฟูความสัมพันธ์กับจีน ซึ่งช่วยให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจไต้หวันมากขึ้น
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงายงานว่า ดอลลาร์ไต้หวันแข็งค่าขึ้น 6.8% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังจากนายหม่าได้เจรจาเพื่อเปิดให้บริการเที่ยวบินโดยตรงกับจีนและเปิดทางให้ธนาคารพาณิชย์ของไต้หวันเข้าไปลงทุนในจีนได้ ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ในโพลล์บลูมเบิร์กคาดว่า ดอลลาร์ไต้หวันจะแข็งค่าขึ้นอีก 1.2% และเงินหยวนจะแข็งขึ้นอีก 3.1% ภายในปีนี้
นอร์แมน ชาน ซีอีโอของบริษัทพีซีเอ็ม แคปิตอล ในฮ่องกง ซึ่งบริหารจัดการกองทุนเฮดจ์ฟันด์หลายแห่งในเอเชีย กล่าวว่า "ดอลลาร์ไต้หวันและเงินหยวนอยู่ในช่วงขาขึ้นทั้งคู่ และคาดว่าจะแข็งค่าขึ้นอีก ผมคาดว่าดอลลาร์ไต้หวันมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นอีกหากเงินหยวนยังแข็งค่าต่อเนื่อง"
ส่วนสกุลเงินอื่นๆในเอเชียร่วงลง โดยค่าเงินบาทของไทยร่วงลง 11% ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสถิติที่ร่วงลงหนักสุดบรรดาสกุลเงินหลักๆของเอเชีย เนื่องจากเหตุการณ์ประท้วงขับไล่นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ขณะที่ค่าเงินเปโซฟิลิปปินส์ดิ่งลง 8.3% เนื่องจากราคาข้าวที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ส่งผลให้คะแนนนิยมของประธานาธิบดีกลอเรีย มาคาปากัล อาร์โรโย่ ดิ่งลงต่ำสุดในรอบ 3 ปี
เงินวอนร่วงลง 10.6% เนื่องจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้นส่งผลให้เกาหลีใต้ขาดดุลการค้าและจุดปะทุให้เกิดการประท้วงของกลุ่มผู้ขับรถบรรทุก
เลสลี ฟาง นักวิเคราะห์จากบริษัทชโรเดอร์ พีแอลซี ในสิงคโปร์กล่าวว่า "นักลงทุนในตลาดปริวรรตเงินตราพุ่งความสนใจไปที่สถานการณ์ทางการเมืองในเอเชีย ประเทศที่การเมืองมีเสถียรภาพก็จะทำให้สกุลเงินมีความแข็งแกร่ง ซึ่งเงินหยวนและดอลลาร์ไต้หวันได้รับประโยชน์จากสถานการณ์ทางการเมืองที่ดีขึ้น"
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--