ประธานาธิบดีซูซิโล ยุดโดโยโน ของอินโดนีเซีย กล่าวว่า อินโดนีเซียอาจจะต้องใช้งบประมาณในด้านการให้เงินอุดหนุนเชื้อเพลิงมากกว่า 200 ล้านล้านรูเปียห์ หรือ 2.17 หมื่นล้านดอลลาร์ หากราคาน้ำมันดิบโดยเฉลี่ยพุ่งแตะ 140 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลในปีนี้ และหากราคาน้ำมันดิบโดยเฉลี่ยของอินโดนีเซียอยู่ที่ 150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล เงินอุดหนุนเชื้อเพลิงจะพุ่งมาอยู่ที่ 230 ล้านล้านรูเปียห์
ปัจจุบัน ราคาน้ำมันดิบโดยเฉลี่ยของอินโดนีเซียอยู่ต่ำกว่าราคาน้ำมันตลาดโลกประมาณ 5 ดอลลาร์
ผู้นำอินโดนีเซียกล่าวว่า หากไม่มีทางแก้ปัญหา เรื่องราคาน้ำมันจะเป็นเรื่องใหญ่ เราหวังว่าราคาน้ำมันจะไม่สูงไปกว่า 150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แม้ว่าจะมีสัญญาณบ่งชี้ว่าจะเป็นเช่นนั้นก็ตาม
เมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา รัฐบาลอินโดนีเซียได้ขึ้นราคาเชื้อเพลิงเฉลี่ย 28.7% เพื่อควบคุมปริมาณเงินอุดหนุนเชื้อเพลิงไม่ให้อยู่ในระดับที่สูงไปกว่า 135 ล้านล้านรูเปียห์ ซึ่งการตัดสินใจขึ้นราคาเชื้อเพลิงเมื่อเดือนพ.ค.นั้น ตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ว่า ราคาน้ำมันอาจจะสูงขึ้นมาอยู่ในช่วง 110 - 120 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล
นายยุดโดโยโน่ กล่าวว่า การรับมือกับสถานการณ์ในปัจจุบันนั้น รัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาด้วยการขึ้นราคาเชื้อเพลิงได้ตลอด ดังนั้นจึงขอให้ประชาชนช่วยกันลดปริมาณการใช้เชื้อเพลิงด้วย
ทั้งนี้ การตั้งงบประมาณการให้เงินอุดหนุนเชื้อเพลิงของรัฐบาลตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ว่า จะมีการใช้น้ำมันเบนซิน ดีเซล และน้ำมันก๊าด ถึง 35.5 ล้านกิโลลิตรในปีนี้
ผู้นำอินโดนีเซียยังได้เรียกร้องให้ฝ่ายกฎหมายและบริษัทน้ำมันร่วมมือกันแก้ปัญหา เพราะสถานการณ์แบบนี้จะต้องร่วมมือกัน และต้องผนึกแรงเป็นหนึ่งเดียว รวมทั้งมีความโปร่งใส เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ที่จัดอยู่ในขั้นฉุกเฉิน สำนักข่าวธอมสันไฟแนนเชียลรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--