ประธานของ CNOOC บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของจีนเปิดเผยว่า ความวิตกกังวลต่ออุปสงค์และอุปทานเป็นปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นให้ราคาน้ำมันพุ่งสูงขึ้น เนื่องจากมีการคาดการณ์กันว่าในช่วงหลายปีต่อจากนี้ กลุ่มประเทศกำลังพัฒนาต้องการใช้น้ำมันดิบเพิ่มมากขึ้น
ฟู เฉิงยู ประธาน CNOOC กล่าวในที่ประชุม World Petroleum Congress ในกรุงมาดริดว่า ปัจจัยสำคัญที่มีอิทธิพลต่อตลาดมาจากกลุ่มนักเก็งกำไร ภาวะเงินดอลลาร์อ่อนค่า และความไร้เสถียรภาพทางการเมือง นอกจากนี้ ความวิตกกังวลต่อภาวะอุปสงค์และอุปทานก็มีอิทธิพลต่อตลาดทั้งในวันนี้และวันต่อๆไปด้วยเช่นกัน
ประชากรในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนามีปริมาณการใช้น้ำมันโดยเฉลี่ย 2.5 บาร์เรลต่อคนต่อปี เมื่อเทียบกับประชากรในกลุ่มประเทศเพื่อความร่วมมือด้านการพัฒนาและเศรษฐกิจที่ระดับ 17 บาร์เรลต่อปี แต่ความต้องการน้ำมันในประเทศกำลังพัฒนาในอีก 20 ปีข้างหน้าอาจขยายตัวแตะระดับเฉลี่ยที่ 5 บาร์เรลต่อคนต่อวัน ขณะที่ทั่วโลกจำเป็นต้องใช้น้ำมันอีก 20 ล้านบาร์เรลต่อวันเพื่อรองรับกับความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น
"ตัวเลขดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 25% ของผลผลิตน้ำมันในปัจจุบันนี้" ประธานกลุ่มบริษัทน้ำมันรายใหญ่อันดับ 3 ของจีนกล่าวกับตัวแทนที่เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า จีนเป็นประเทศผู้ใช้น้ำมันรายใหญ่ที่สุดอันดับสองของโลกรองจากสหรัฐ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญในวงการอุตสาหกรรมกล่าวว่า ความต้องการใช้น้ำมันของจีนเพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจขยายตัวขึ้นสูงสุดเป็นประวัติการณ์เป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนให้ราคาน้ำมันในตลาดโลกพุ่งสูงขึ้น
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--