ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ภาคเอกชนสหรัฐลดจ้างงาน ฉุดดอลล์ร่วงหนักเทียบยูโร,เยน

ข่าวต่างประเทศ Thursday July 3, 2008 07:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (2 ก.ค.) หลังจากมีรายงานว่าภาคเอกชนของสหรัฐปรับลดจำนวนพนักงานมากขึ้นในเดือนมิ.ย. ซึ่งทำให้นักลงทุนมองว่าข้อมูลดังกล่าวอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยังไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า ขณะที่ค่าเงินยูโรแข็งแกร่งขึ้นเนื่องจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมวันพฤหัสบดีนี้
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์ร่วงลงแตะระดับ 105.95 เยน/ดอลลาร์ จากวันอังคารที่ระดับ 106.07 เยน/ดอลลาร์ และดิ่งลงแตะระดับ 1.0138 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0197 ฟรังค์/ดอลลาร์
ยูโรแข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 1.5877 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.5788 ดอลลาร์/ยูโร แต่เงินปอนด์ร่วงลงแตะระดับ 1.9925 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.9947 ดอลลร์/ปอนด์ จากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางอังกฤษอาจตรึงดอกเบี้ยในการประชุมวันพฤหัสบดีนี้
ค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์พุ่งขึ้นแตะระดับ 0.7594 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7577 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ และค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 0.9622 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.9551 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย
เจมส์ ฮิวจ์ นักวิเคราะห์จากซีเอ็มซี มาร์เก็ตส์ กล่าวว่า ดอลลาร์สหรัฐได้รับแรงกดดันอย่างหนักจากรายงานของ ADP ซึ่งเป็นองค์กรที่ให้บริการด้านข้อมูลจ้างงานของสหรัฐ ที่ระบุว่า ภาคเอกชนของสหรัฐปรับลดตำแหน่งงานลง 79,000 ตำแหน่งในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการปรับลดครั้งใหญ่ที่สุด นับตั้งแต่เดือนพ.ย.2544
"ข้อมูลดังกล่าวทำให้กระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนหน้า เริ่มแผ่วลง ขณะที่สกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากการคาดการณ์ที่ว่าอีซีบีจะขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 4.25% จากระดับปัจจุบันที่ 4.00% เพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อในยุโรป" ฮิวจ์กล่าว
นักลงทุนจับตาดูตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (non farm payroll) ของสหรัฐ ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยในคืนวันพฤหัสบดี (ตามเวลาประเทศไทย) โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่า ตัวเลขจ้างงานประจำมิ.ย.จะร่วงลงอีก 60,000 อัตรา ซึ่งจะเป็นการปรับตัวลงติต่อกัน 6 เดือน
เมื่อวานนี้ ฌอง-คล็อด ทริเชต์ ผู้ว่าการอีซีบีกล่าวกับหนังสือพิมพ์ Die Zeit ของเยอรมนีว่า มีความเสี่ยงที่เงินเฟ้อในยุโรปจะพุ่งขึ้น ถ้าอีซีบีไม่ดำเนินการขั้นเด็ดขาด
ทริเชต์เคยกล่าวเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.ที่ผ่านมาว่า อีซีบีอาจตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ย 0.25% เป็น 4.25% ในการประชุมวันที่ 3 ก.ค.นี้ เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ แม้ว่าเศรษฐกิจกำลังอยู่ในภาวะชะลอตัวก็ตาม
สเตฟาน เบลไมเออร์ นักเศรษฐศาสตร์จากธนาคารดอยช์แบงก์ ในแฟรงค์เฟิร์ต กล่าวว่า ความเห็นของทริเชต์สะท้อนให้เห็นถึงจุดยืนของอีซีบีที่ว่า อีซีบีจะไม่ยอมให้อัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันไปเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ โดยเขาเชื่อว่าอีซีบียอมให้อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นกระทบกับการขยายตัวในระยะใกล้ ดีกว่าที่จะสร้างความเสียหายให้แก่เศรษฐกิจในระยะยาว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ