พล.ท.หญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รมว.พลังงาน เผยประชาชนให้ความสนใจมาใช้ก๊าซธรรมชาติ(เอ็นจีวี)เป็นเชื้อเพลิงในรถยนต์เพิ่มมากขึ้น หลังสถานการณ์ราคาน้ำมันในตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะที่แผนงานส่งเสริมการใช้เอ็นจีวีมีความพร้อมอย่างเต็มที่
โดยช่วงครึ่งแรกของปีนี้(ม.ค.-มิ.ย.)ปริมาณรถยนต์ที่ใช้ก๊าซเอ็นจีวีเพิ่มขึ้นเป็น 84,161 คัน แบ่งเป็น รถยนต์เบนซิน 67,833 คัน รถยนต์ดีเซล 13,247 คัน และรถยนต์ที่ติดตั้งเอ็นจีวีจากโรงงาน 3,081 คัน ทำให้ปริมาณความต้องการใช้ก๊าซเอ็นจีวีเพิ่มขึ้นเป็น 2,013 ตันต่อวัน จาก 1,670 ตันต่อวัน ขณะที่ บมจ.ปตท.(PTT) สำรองก๊าซเอ็นจีวีไว้รองรับความต้องการจำนวน 2,455 ตันต่อวัน และภายในสิ้นปีนี้จะมีกำลังผลิตเพิ่มเป็น 5,465 ตันต่อวัน หลังจากมีสถานีแม่จ่ายก๊าซเอ็นจีวีเพิ่มขึ้น
สำหรับสถานีบริการเอ็นจีวีในปัจจุบันเพิ่มเป็น 214 แห่ง และเพิ่มเป็น 245 แห่งในเดือน ก.ค.นี้ ซึ่งภายในสิ้นปีนี้จะเพิ่มเป็น 355 แห่งตามเป้าหมาย รวมทั้งเพิ่มจำนวนรถขนส่งก๊าซเอ็นจีวีจาก 496 คัน เป็น 933 คัน นอกจากนี้จำแนกสถานีบริการเอ็นจีวีออกเป็น 3 กลุ่ม คือ กลุ่มรถบรรทุก รถแท็กซี่ และรถยนต์ส่วนบุคคล เพื่อแก้ปัญหาการรอเติมก๊าซเป็นเวลานาน และเพิ่มจำนวนอู่ติดตั้งเอ็นจีวีอีก 114 แห่งในปีนี้ และเพิ่มอู่ติดตั้งเฉพาะจุดตามศูนย์รถแท็กซี่และรถบรรทุกให้ได้มาตรฐาน
ส่วนปัญหาถังก๊าซเอ็นจีวีที่มีราคาสูงนั้น รมว.พลังงาน กล่าวว่า ในอนาคตจะมีราคาถูกลง เนื่องจากขณะที่มีภาคเอกชนได้รับการส่งเสริมการลงทุนตั้งโรงงานผลิตถังเอ็นจีวีในประเทศ มีกำลังการผลิตรวม 300,000 ถังต่อปี ขณะที่ความต้องการใช้อยู่ที่ 100,000 ถังต่อปี พร้อมยืนยันว่ารัฐจะตรึงราคาเอ็นจีวีที่ 8.50 บาทต่อกิโลกรัมจนถึงสิ้นปีนี้ และปรับเพิ่มเป็น 12 บาทต่อกิโลกรัมในปี 2552 และเพิ่มขึ้นเป็น 13 บาทในปี 2553 จากนั้นจะปล่อยราคาเป็นไปตามกลไกตลาด
รมว.พลังงาน กล่าวว่า แนวโน้มราคาน้ำมันที่สูงขึ้นเนื่องจากมีการเก็งกำไร ถึงแม้หลายคนคาดการณ์ว่าการเก็งกำไรจะเริ่มน้อยลงแล้วก็ตาม แต่เนื่องจากเข้าสู่ฤดูกาลที่มีความต้องการใช้น้ำมันสูงในต่างประเทศ ทำให้ราคาน้ำมันยังสูงต่อเนื่อง
ขณะที่ นายจิตรพงษ์ กว้างสุขสถิตย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ หน่วยธุรกิจก๊าซธรรมชาติ PTT กล่าวว่า ตั้งแต่เดือน ก.ค.นี้ ปตท.มีความพร้อมในการจำหน่ายก๊าซเอ็นจีวีให้กับประชาชน แม้ความต้องการใช้จะเพิ่มขึ้นเป็น 2,000 ตันต่อวัน ขณะที่กำลังการผลิตอยู่ที่ประมาณ 2,200-2,300 ตันต่อวัน และแนวโน้มความต้องการใช้จะเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง ปตท.จะเร่งเพิ่มสถานีบริการให้มากขึ้นเพื่อลดปัญหาการเข้าคิวเติมก๊าซ
นอกจากนี้จะหารือกับผู้ประกอบการแท๊กซี่ให้กระจายกะเวลาเติมหรืออาจเป็นการให้เงินแทนการเติมก๊าซธรรมชาติให้เต็มถัง เพื่อไม่ให้เกิดความหนาแน่นของสถานีบริการ
--อินโฟเควสท์ โดย อตฦ/ธนวัฏ/รัชดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 317 อีเมล์: rachada@infoquest.co.th--