ประธานาธิบดี ดมิทรี เมดเวเดฟ ของรัสเซีย ซึ่งเป็นประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก คาดว่าราคาน้ำมันจะปรับตัวสูงขึ้นถึง 150 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล และจะถ่วงการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกให้ชะลอตัว
เมดเวเดฟกล่าวกับผู้สื่อข่าวในกรุงมอสโค ก่อนที่จะออกเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นเพื่อเข้าร่วมประชุมสุดยอดผู้นำกลุ่มประเทศอุตสาหกรรม 8 ประเทศ (จี8) ในระหว่างวันที่ 7-9 ก.ค.นี้ว่า "ราคาน้ำมันจะพุ่งถึง 150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล โชคไม่ดี ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นจะสร้างปัญหาให้กับเศรษฐกิจโลก"
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า เศรษฐกิจของรัสเซียขยายตัวเป็นปีที่ 10 ด้วยปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันที่ทะยานขึ้นสองเท่าทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีที่ผ่านมา โดยผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ขยายตัว 8.5% ในไตรมาสแรกของปีนี้ ซึ่งเป็นอัตราที่เร็วที่สุดนับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2543
โทนี่ เรแกน ที่ปรึกษาด้านพลังงานจาก Nexant Inc. ในสิงคโปร์ กล่าวว่า "เป็นเรื่องแปลกที่นักการเมืองจะออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับตลาด แต่เนื่องจากว่ารัสเซียเป็นผู้ส่งออกรายใหญ่ ดังนั้นเรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่เขาให้ความสนใจ"
นักวิเคราะห์กล่าวว่า การออกมาพูดดังกล่าวยังหมายความถึง "คุณอย่ามาเอาอะไรจากผม การประชุมจี8 จะมีผู้นำหลายท่านซึ่งต้องการหาทางดึงน้ำมันให้ปรับตัวลงมา แต่เขาไม่จำเป็นต้องเห็นชอบ"
ราคาน้ำมันไต่ระดับขึ้นเนื่องจากความกังวลว่าในอนาคตจะไม่มีอุปทานเพียงพอสำหรับตอบสนองความต้องการของประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ อย่าง จีน และ อินเดีย นอกจากนี้ เงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงและการที่นักลงทุนเข้าซื้อสินค้าโภคภัณฑ์เพื่อเก็งกำไรก็เป็นสาเหตุที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นด้วยเช่นกัน
เมดเวเดฟกล่าวว่า ราคาน้ำมันมีแนวโน้มที่จะอยู่ในระดับสูงต่อไปอีก "นี่เป็นความจริงที่ทุกคนต้องใคร่ครวญ"
ผู้นำรัสเซียยังกล่าวกับผู้สื่อข่าวด้วยว่า อิทธิพลของโอเปคถูกขยายจนเกินจริง โดยชี้ว่าการตัดสินใจของโอเปคไม่จำเป็นต้องส่งผลกระทบต่อราคาน้ำมันในระยะยาวเสมอไป
นอกจากนี้ เมดเวเดฟยังได้เรียกร้องให้มีการพูดคุยกันระหว่างผู้ผลิตน้ำมัน ผู้บริโภค และประเทศที่มีท่อขนส่งน้ำมันผ่านด้วย
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--