นายฮารุฮิโกะ คุโรดะ ประธานธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) เปิดเผยในวันนี้ว่า เศรษฐกิจเอเชียมีความเปราะบางต่อราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง และก่อให้เกิดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่สร้างความวิตกกังวลให้กับธนาคารกลาง
อย่างไรก็ตาม นายคุโรดะเชื่อว่า เอเชียจะสามารถหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยได้เนื่องจากเศรษฐกิจจีนมีอัตราการขยายตัวที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะช่วยให้เอเชียไม่ต้องเผชิญวิกฤตการณ์การเงินซ้ำรอยเหมือนกับที่เกิดขึ้นเมื่อ 10 ปีที่แล้ว
"ประเทศเอเชียเปราะบางต่อราคาน้ำมันที่แพงขึ้นเพราะต้องพึ่งพาการนำเข้านำมันและมีศักยภาพในการผลิตน้ำมันที่ต่ำ ผมคาดว่าราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นจะส่งผลกระทบต่อการอุปโภคภายในประเทศและอัตราการขยายตัวในภูมิภาคในปีนี้และปีหน้า" นายคุโรดะเตือน
นายคุโรดะยังกล่าวด้วยว่า ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นเป็น 5 เท่านับตั้งแต่ปีพ.ศ.2546 เนื่องจากความต้องการน้ำมันในประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ปรับตัวสูงขึ้น อาทิ อินเดีย และ จีน และจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานขาดแคลน สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกพะงขึ้นเหนือระดับ 146 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกเมื่อวานนี้
"ธนาคารกลางในเอเชียกำลังเผชิญภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกในเรื่องการควบคุมเงินเฟ้อ เพราะหากธนาคารกลางใช้มาตรการขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดเงินเฟ้อก็จะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลง แต่หากไม่ขึ้นดอกเบี้ยก็จะยิ่งทำให้เงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้น" เขากล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้นายคุโรดะวิตกกังวลเรื่องเงินเฟ้อ แต่เขายังคงมีมุมมองที่เป็นบวกต่อแนวโน้มเศรษฐกิจในเอเชีย โดยกล่าวว่า "ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมในเอเชียยังคงแข็งแกร่ง และผมไม่คิดว่าเศรษฐกิจเอเชียจะถดถอยลง ผมมีเหตุผลมากพอที่จะมั่นใจว่าเอเชียจะไม่เผชิญวิกฤตการณ์การเงินเหมือนเมื่อ 10 ปีที่แล้วอีก เนื่องจากประเทศเอเชียมีทุนสำรองเงินตราต่างประเทศในระดับที่สูงมาก"
เอเชียเคยเผชิญวิฤตการณ์การเงินในปีพ.ศ.2540 ซึ่งเป็นช่วงที่รัฐบาลไทยประกาศลอยตัวค่าเงินบาท หลังจากมีเม็ดเงินต่างชาติเข้ามาโจมตีค่าเงินบาท เป็นเหตุให้ค่าเงินบาททรุดตัวลงอย่างหนัก จากวิกฤตการณ์ในครั้งนี้ส่งผลให้หลายประเทศในเอเชีย รวมถึงไทยและอินโดนีเซีย กู้ยืมเงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เพื่อรักษาเสถียรภาพสกุลเงินภายในประเทศ สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--