นักวิเคราะห์ที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็นคาดการณ์ว่า สหรัฐจะขาดดุลการค้ามากขึ้นและต้นทุนการนำเข้าสินค้าจะพุ่งสูงขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าราคาน้ำมันที่แพงขึ้นกำลังส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อเศรษฐกิจและทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นด้วย
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่ายอดขาดดุลการค้าของสหรัฐจะขยายตัวแตะระดับ 6.24 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยระบุว่าราคาน้ำมันที่แพงขึ้นจะส่งผลให้ภาคเอกชนลดการจ้างงานและลดการใช้จ่ายด้านอุปกรณ์เครื่องใช้เพื่อพยุงสถานะของบริษัทให้สามารถทำกำไรต่อไปได้ นอกจากนี้ ต้นทุนนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้บริษัทสหรัฐจำเป็นต้องขึ้นราคาสินค้า ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวจะยิ่งทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อในสหรัฐสูงขึ้นด้วย
"ถึงเวลาแล้วที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และเจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐต้องให้ความสนใจอย่างจริงจังกับภาวะเงินเฟ้อที่กำลังคุกคามเศรษฐกิจของประเทศ ต้นทุนนำเข้าสินค้าที่สูงขึ้นจะทำให้บริษัทสหรัฐผลักภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นไปให้กับผู้บริโภค ซึ่งจะยิ่งทำให้ตัวเลขเงินเฟ้อพุ่งขึ้นเป็นเงาตามตัว และส่งผลกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของสหรัฐในตลาดโลก" นายโยเซฟ คาร์สัน นักิเคราะห์จากบริษัทวิจัยเศรษฐกิจ อัลไลอันซ์เบิร์นส์ทีน ในกรุงนิวยอร์กกล่าว
นายไรอัน สวีท นักวิเคราะห์จาก Moody's Economy.com กล่าวว่า "ราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้สหรัฐขาดดุลการค้าอย่างหนักในเดือนส.ค. ดังนั้น สหรัฐควรควบคุมการค้าให้อยู่ในภาวะสมดุล อย่างไรก็ตาม ผมคาดว่าข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์จะสะท้อนให้เห็นว่าสหรัฐยังคงเผชิญแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ"
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า อัตราว่างงานเดือนมิ.ย.ทรงตัวอยู่ที่ 5.5% หลังจากพุ่งขึ้นรุนแรงที่สุดในรอบเกือบ 20 ปีเมื่อเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรเดือนมิ.ย.ร่วงลง 62,000 ตำแหน่ง ส่งผลให้ตัวเลขจ้างงานโดยรวมลดลงไปแล้วถึง 438,000 ตำแหน่งในปีนี้ ขณะที่อัตราว่างงานเดือนมิ.ย.ทรงตัวอยู่ที่ 5.5% สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--