HSBC Private Bank ซึ่งบริหารจัดการสินทรัพย์ของลูกค้าเป็นวงเงินราว 4.94 แสนล้านดอลลาร์ มีมุมมองในแง่บวกต่อสกุลเงินหยวนของจีน ริงกิตมาเลเซีย และรูเปียห์อินโดนีเซีย เนื่องจากรายได้จากการส่งออกที่สูงขึ้นได้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศเหล่านี้มีความแข็งแกร่งขึ้น และดึงดูดเม็ดเงินจากนักลงทุนต่างชาติได้เป็นอย่างดี
นายอาร์จูนา มหินทรา ผู้อำนวยการฝ่ายยุทธศาสตร์การลงทุนในภูมิภาคเอเชียของ HSBC Private Bank ในสิงคโปร์ กล่าวว่า "ค่าเงินหยวนมีแนวโน้มพุ่งขึ้น 8.4% แตะระดับ 6.33 หยวน/ดอลลาร์ในอีก 12 เดือนข้างหน้า เนื่องจากธนาคารกลางจีนเร่งใช้มาตรการสกัดกั้นเงินเฟ้อ ขณะที่สกุลเงินริงกิตมาเลเซียและรูเปียห์อินโดนีเซียมีแนวโน้มพุ่งขึ้น 2-3% เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งสูงขึ้น รวมถึง ราคาน้ำมันปาล์ม จะช่วยกระตุ้นรายได้การส่งออกของทั้งสองประเทศให้แข็งแกร่งขึ้นด้วย"
"ผมค่อนข้างมั่นใจว่าเงินหยวน ริงกิต และรูเปียห์ จะยังคงแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับดอลลาร์ เนื่องจากกระแสเงินทุนหมุนเวียนที่แข็งแกร่ง และหากทั้ง 3 ประเทศสามารถควบคุมเงินเฟ้อได้ ก็จะยิ่งทำให้เงินทั้ง 3 สกุลแข็งขึ้นอีก" มหินทรากล่าว
ค่าเงินหยวนและรูเปียห์ทะยานขึ้นแข็งแกร่งสุดในบรรดาสกุลเงินหลักๆทั้ง 10 สกุลในภูมิภาคเอเชีย (ไม่นับรวมเงินเยนญี่ปุ่น) โดยเงินหยวนแข็งแกร่งขึ้น 21% นับตั้งแต่ธนาคารกลางจีนยุติมาตรการผูกติดค่าเงินหยวนกับดอลลาร์เมื่อ 2 ปีที่แล้ว และยอดส่งออกที่สูงขึ้นช่วยให้ยอดเกินดุลการค้าของจีนทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ทั้งนี้ นายมหินทราคาดว่า เงินหยวนจะพุ่งขึ้นเหนือค่ากลางที่ระดับ 6.46 หยวน-ดอลลาร์ในช่วงไตรมาส 2 ปีหน้า ขณะเดียวกันคาดว่า เงินริงกิตจะพุ่งขึ้น 4% และเงินรูเปียห์จะแข็งค่าขึ้นกว่า 2% สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--