กสิกรฯ คาดกนง.ขึ้นดบ. 0.25% ย้ำความมั่นใจนักลงทุนดูแลเสถียรภาพราคา

ข่าวเศรษฐกิจ Friday July 11, 2008 10:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด คาดว่า ในการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) วันที่ 16 ก.ค.51 จะตัดสินใจประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.25% เป็น 3.50% ทั้งนี้เพื่อเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ตลาดเงินตลาดทุนว่าทางการยังคงดำเนินนโยบายการเงินที่ดูแลเสถียรภาพของระดับราคาอยู่อย่างใกล้ชิด 
พร้อมมองว่า ท่ามกลางความเห็นที่แตกเป็นสองฝ่ายระหว่างการปรับขึ้นหรือการคงอัตราดอกเบี้ย จากสถานการณ์แวดล้อมของภาวะเศรษฐกิจไทยที่ต้องเผชิญกับความเสี่ยงหลายประการนั้น กนง.จะต้องสื่อความให้แก่ตลาดการเงินและสาธารณชนเข้าใจว่า การดำเนินนโยบายการเงินดังกล่าวอาจต้องใช้เวลาระยะหนึ่งกว่าที่จะเห็นผล เพราะที่สุดแล้วการดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมและระมัดระวัง น่าจะค่อยๆ นำพาให้เศรษฐกิจไทยกลับสู่ภาวะที่มีเสถียรภาพได้ในระยะถัดไป
"การตัดสินใจของ กนง.ในรอบนี้จะเผชิญกับความท้าทายอย่างมาก เพราะ กนง.อาจจะต้องปรับขึ้นดอกเบี้ย ทั้งที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอาจจะไม่ปรับตัวลงมาจนกว่าจะผ่านพ้นปลายปีนี้ไปแล้ว แต่ในทางตรงกันข้ามการไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ย อาจส่งผลกระทบต่อความมั่นใจที่ตลาดการเงินมีต่อการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย และอาจมีผลในวงกว้างไม่เฉพาะต่ออัตราเงินเฟ้อที่อาจเร่งตัวขึ้นไปอีกเท่านั้น แต่อาจรวมถึงค่าเงินบาทที่อาจจะตกอยู่ภายใต้แรงกดดันด้วยจากการขาดความเชื่อมั่นดังกล่าว" เอกสารเผยแพร่ ระบุ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า แม้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ กนง.จะไม่ทำให้ระดับราคาสินค้าในประเทศถูกลง แต่ กนง.คงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องตัดสินใจดำเนินนโยบายอัตราดอกเบี้ยที่เข้มงวดมากขึ้น ทั้งนี้เพื่อที่จะสร้างความมั่นใจให้กับตลาดการเงินว่า กนง.ยังคงมีจุดยืนที่จะดูแลรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
ขณะเดียวกันก็เป็นการสกัดกั้นไม่ให้ระดับราคาสินค้าถีบตัวสูงขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะหากประชาชนขาดความมั่นใจในการดำเนินนโยบายการเงินของทางการหรือการถือครองเงินไว้กับตัวแล้ว ก็จะยิ่งส่งผลซ้ำเติมภาวะเงินเฟ้อให้รุนแรงขึ้นไปอีก
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไป(CPI)เดือน ก.ค.51 จะยืนเหนือระดับ 9% และขึ้นไปแตะที่ 10% ในเดือน ส.ค. และจะยืนเหนือระดับ 9% ต่อเนื่องไปจนถึงเดือน ต.ค.51ตามราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และสินค้าในประเทศอีกหลายรายการมีแนวโน้มจะขยับราคาขึ้น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ