จิม โรเจอร์ส นักลงทุนชื่อดังที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นกูรูด้านเศรษฐกิจระดับแนวหน้าของโลก แสดงความเห็นว่า แผนการของกระทรวงการคลังสหรัฐที่พยุงกิจการบริษัทแฟนนี เม และ เฟรดดี แมค ถือเป็น "หายนะที่ไม่ได้ช่วยให้วิกฤตการณ์คลี่คลายลง"
"ภายใต้แผนพิทักษ์กิจการ (conservatorship) แฟนนี เม และเฟรดดี แมค ซึ่งร่างโดยนายเฮนรี พอลสัน รมว.คลังสหรัฐนั้น ราคาหุ้นของแฟนนี เม และเฟรดดี แมคแทบจะไม่มีมูลค่าหรือไม่เหลือมูลค่า และผลขาดทุนจากสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยที่บริษัทค้ำประกันไว้นั้นจะถูกชำระโดยผู้เสียภาษี หากสภาคองเกรสอนุมัติแผนการดังกล่าว ก็ถือเป็นเรื่องเศร้าของผู้เสียภาษีที่ต้องรับผิดชอบหนี้สินของแฟนนี เม และเฟรดดี แมค" โรเจอร์สกล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์ก ซึ่งเขาคาดว่าราคาหุ้นของทั้งสองบริษัทจะทรุดตัวลงอีก
"ผมไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงเหล่านี้กล้าดีอย่างไรที่จะเอาเงินจากพวกเราซึ่งเป็นผู้เสียภาษีและเข้าซื้อหุ้นในแฟนนี เม และเฟรดดี แมค การดำเนินการดังกล่าวจะสั่นคลอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั่วโลก และจะส่งผลกระทบต่องบดุลของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อีกทั้งจะทำให้สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลงและทำให้เงินเฟ้อพุ่งสูงขึ้นจนยากจะควบคุม" โรเจอร์กล่าว
นอกจากนี้ จอร์จ โซรอส จอร์จ โซรอส มหาเศรษฐีผู้เชี่ยวชาญด้านการเงิน กล่าวว่า แฟนนี เม และเฟรดดี แมค กำลังเผชิญวิกฤตการณ์ที่เสี่ยงต่อการล้มละลาย แผนการพยุงกิจการของ 2 บริษัทถือเป็นการดำเนินการที่ไม่เป็นธรรมของผู้เสียภาษี ผมเชื่อว่าปัญหาที่เกิดขึ้นกับแฟนนี เม และเฟรดดี แมค ยังไม่ใช่คลื่นลูกสุดท้ายที่จะถาโถมเข้ามากระทบเศรษฐกิจสหรัฐ"
เมื่อวานนี้ เฟดและกระทรวงการคลังสหรัฐ ประกาศแผนพยุงกิจการแฟนนี แม และ เฟรดดี แมค หลังจากทั้ง 2 บริษัทขาดทุนในตลาดปล่อยกู้จำนองจนเป็นเหตุให้ขาดสภาพคล่องอย่างหนัก โดยแผนการดังกล่าวมีเป้าหมายที่จะพยุงสถานะทางการเงินของแฟนนี เม และเฟรดดี แมค อีกทั้งสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนทั่วโลกว่า รัฐบาลสหรัฐพร้อมที่จะใช้มาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องตลาดสินเชื่อไม่ให้ประสบปัญหามากไปกว่าปีที่แล้ว สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--