นายเกษม จริยวัฒน์วงศ์ นายกสมาคมตัวแทนขนส่งสินค้าทางอากาศไทย (TAFA) เปิดเผยถึงสถานการณ์การขนส่งสินค้าทางอากาศว่า ปัจจุบันธุรกิจการขนส่งสินค้าทางอากาศมีแนวโน้มลดลง โดยในปีนี้คาดว่าปริมาณการขนส่งสินค้าทางอากาศจะลดลงประมาณ 30% เนื่องจากผู้นำเข้าส่งออก โดยเฉพาะสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ หันไปใช้การขนส่งสินค้าทางเรือแทน เพราะค่าขนส่งต่ำกว่าเกือบ 3 เท่าตัว
อย่างไรก็ตาม ยังมีสินค้าบางประเภทที่มีความจำเป็นต้องขนส่งทางอากาศ เช่น พืช ผัก ผลไม้ ดอกไม้ ซึ่งยังช่วยให้ธุรกิจการขนส่งสินค้าทางอากาศอยู่รอดได้ แต่ผู้นำเข้าส่งออกก็จะประสบปัญหาราคาค่าขนส่งที่เพิ่มขึ้นประมาณ 100% เนื่องจากสายการบินมีการปรับค่าขนส่งเพิ่มขึ้น 5-10% และที่สำคัญคือมีการปรับค่าธรรมเนียมน้ำมัน(FUEL SURCHARGE)สูงมาก โดยในบางเส้นทาง เช่น กรุงเทพฯ-สิงคโปร์ หรือกรุงเทพฯ-ฮ่องกง ค่าธรรมเนียมน้ำมันสูงกว่าค่าขนส่งเป็นเท่าตัว
"ปกติช่วงไฮซีซั่นของการขนส่งสินค้าทางอากาศจะอยู่ในช่วงเดือนมี.ค. และเดือนต.ค.-พ.ย. แต่ปรากฎว่าเดือนมี.ค.ที่ผ่านมาการขนส่งสินค้าทางอากาศไม่ได้เพิ่มสูงขึ้นเหมือนที่ผ่านมา และหากช่วงเดือนต.ค.-พ.ย.นี้ ปริมาณการขนส่งสินค้าทางอากาศยังไม่เพิ่มขึ้น การดำเนินธุรกิจขนส่งสินค้าทางอากาศจะถึงจุดตกต่ำที่สุดในรอบ 10 ปี สายการบินขนส่งสินค้าอาจต้องลดเที่ยวบิน หรือยกเลิกกิจการ โดยสายการบินที่จะยังคงดำเนินกิจการอยู่ได้จะเป็นสายการบินขนาดใหญ่" นายเกษม กล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย คคฦ/เสาวลักษณ์/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--