เบน เบอร์นันเก้ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) แถลงต่อคณะกรรมาธิการด้านการธนาคารแห่งวุฒิสภาสหรัฐว่า เศรษฐกิจที่เปราะบางของสหรัฐกำลังเผชิญ "ความยากลำบากและปัญหาที่รุมเร้ามากมาย" แม้เฟดได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงหลายครั้งและใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจไปแล้วก็ตาม
เบอร์นันเก้เตือนว่า ราคาน้ำมันและอาหารที่พุ่งสูงขึ้นกำลังทำให้สหรัฐเผชิญความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อมากขึ้นด้วย ซึ่งปัญหาดังกล่าวขยายวงกว้างขึ้นและซ้ำเติมเศรษฐกิจสหรัฐที่ได้รับผลกระทบอยู่แล้วจากปัญหาที่เกิดขึ้นในภาคการเงิน อัตราว่างงานที่สูงขึ้น และภาวะตกต่ำในตลาดที่อยู่อาศัย
"คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) กำลังเผชิญความท้าทายอย่างมีนัยสำคัญ แม้คณะกรรมการพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวขึ้น ควบคู่ไปกับการสร้างความเชื่อมั่นว่าภาวะเงินเฟ้อจะไม่ขยายตัวจนสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจ แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นในขณะนี้ รวมถึงราคาบ้านที่ทรุดตัวลงอย่างหนัก ส่งผลให้ประชาชนรู้สึกว่ามูลค่าสินทรัพย์ของพวกเขาลดลงและไม่กล้าจับจ่ายใช้สอย ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวได้ฉุดรั้งเศรษฐกิจสหรัฐให้ชะลอตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ" เบอร์นันเก้กล่าว
"เราคาดว่าในปีนี้เศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัวต่ำกว่าคาด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเพราะตลาดที่อยู่อาศัยตกต่ำลง ราคาพลังงานพุ่งสูงขึ้น และภาวะตึงตัวในตลาดสินเชื่อ" เขากล่าว
ทั้งนี้ เบอร์นันเก้เตือนว่า "ตัวเลขเงินเฟ้อในสหรัฐยังคงอยู่ในระดับสูง และคาดว่าจะพุ่งสูงขึ้นอีกในระยะใกล้นี้ สถานการณ์เศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนเช่นนี้ทำให้เฟดต้องประเมินข้อมูลด้านการขยายตัวของเศรษฐกิจและข้อมูลเงินเฟ้ออย่างระมัดระวัง"
เบอร์นันเก้แสดงความคิดเห็นต่อตลาดการเงินสหรัฐว่า "สุขภาพของเศรษฐกิจสหรัฐจะดีหรือไม่ ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับสถานะของตลาดการเงิน และเฟดเล็งเห็นว่าการพยุงตลาดการเงินให้กลับมาเคลื่อนไหวอย่างปกติ เป็นเรื่องสำคัญลำดับต้นๆ ล่าสุด เฟดร่วมมือกับกระทรวงการคลังใช้แผนพยุงกิจการแฟนนี เม และเฟรดดี แมค นอกจากนี้ สภาคองเกรสเตรียมพิจารณาใช้มาตรการกอบกู้ตลาดที่อยู่อาศัย ซึ่งรวมถึงการใช้กฏข้อบังคับที่เข้มงวดขึ้นต่อแฟนนี เม และเฟรดดี แมค"
"นักลงทุนจำนวนมากตกอยู่ในภาวะตื่นตระหนกเนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐที่ไม่แน่นอนและภาวะตึงตัวด้านสินเชื่อ ซึ่งวงจรเช่นนี้ยากที่จะตัดขาดได้ในขณะนี้ ผมประเมินว่าตลาดการเงินและสถาบันการเงินกำลังตกอยู่ภายใต้แรงกดดัน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเศรษฐกิจชะลอตัวลงและปัญหาด้านคุณภาพสินเชื่อ" เบอร์นันเก้กล่าว
แถลงการณ์ของเบอร์นันเก้มีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากเฟดและกระทรวงการคลังสหรัฐ ประกาศแผนพยุงกิจการแฟนนี เม และ เฟรดดี แมค หลังจากทั้ง 2 บริษัทขาดทุนในตลาดปล่อยกู้จำนองจนเป็นเหตุให้ขาดสภาพคล่องอย่างหนัก
"แฟนนี เม และเฟรดดี แมคประสบปัญหาตามรอยธนาคารอินดีแมคที่ล้มละลายเมื่อไม่นานมากนี้ และเป็นการล้มละลายที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เนื่องจากสินทรัพย์ค้ำประกันเงินกู้มีคุณภาพต่ำ ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งกำลังเผชิญความท้าทายในเรื่องนี้" เขากล่าว
เบอร์นันเก้กล่าวปกป้องการดำเนินการของเฟดที่ตัดสินใจปล่อยเงินกู้เพื่อพยุงกิจการแบร์ สเติร์นส แฟนนี เม และเฟรดดี แมค ว่า "เฟดและรัฐบาลสหรัฐดำเนินการทุกอย่างเพื่อช่วยเหลือบริษัทในตลาดวอลล์สตรีท หากปัญหาเหล่านี้ไม่ได้รับการควบคุมให้อยู่ในวงแคบ ก็จะสร้างความเสียหายในวงกว้างต่อเศรษฐกิจ และจะส่งผลกระทบต่อทุกคน ผมมองว่า เสถียรภาพในตลาดการเงินถือเป็นมาตรวัดเสถียรภาพของเศรษฐกิจด้วย"
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า แถลงการณ์ของเบอร์นันเก้ที่ยอมรับว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังเผชิญปัญหาอย่างนัก ได้สร้างความวิตกกังวลให้กับนักลงทุนทั้งในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ตลาดเงินนิวยอร์ก และตลาดน้ำมัน NYMEX ส่งผลให้ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงหลุดจากระดับ 11,000 จุดเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี และฉุดราคาน้ำมันดิบดิ่งลงกว่า 6 ดอลลาร์
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--