นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ กล่าวว่า กระทรวงพาณิชย์อาจจะพิจารณาให้กลุ่มสินค้าที่ไม่ได้จำเป็นต่อชีวิตประจำวันปรับขึ้นราคาได้หากต้นทุนพุ่งขึ้นสูงจริง ส่วนกลุ่มสินค้าที่จำเป็นต่อชีวิตประจำวัน ก็จะขอให้ผู้ประกอบการที่สามารถประคองสถานการณ์ได้ชะลอการปรับขึ้นราคาไว้ก่อน หากไม่ไหวจริง ๆ ก็อาจปล่อยให้ขึ้นราคา
สำหรับการดูแลผลกระทบที่มีต่อประชาชนจากค่าครองชีพที่สูงขึ้นนั้น กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการมาตลอด แต่ที่ไม่มีส่วนร่วมใน 6 มาตรการบรรเทาค่าครองชีพของรัฐบาลนั้น เพราะยังไม่มีมาตรการที่กระทรวงพาณิชย์เข้าไปเกี่ยวข้อง โดย 6 มาตรการเป็นการลดภาระเรื่องราคาน้ำมัน ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำประปา ค่าโดยสารรถไฟ หากมาตรการในอนาคตต่อไปที่มีกระทรวงพาณิชย์เกี่ยวข้อง ก็จะแถลงให้สาธารณะชนได้รับทราบเช่นกัน
"ตอนนี้ก็ทำงานในส่วนของเรา อย่างเร็วๆ นี้ จะมีการจัดงานมหกรรม เมด อิน ไทยแลนด์ เพื่อลดค่าครองชีพให้ประชาชน ยืนยันว่า มีไฮไลท์ในงานนี้แน่นอน แต่ขอปิดไว้ก่อน เพราะจะรองานมหกรรมมั่นใจไทยแลนด์เสร็จสิ้นก่อน ซึ่งทุกงานจะมีส่วนช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนแน่นอน"นายมิ่งขวัญ กล่าว
ส่วนความเป็นห่วงต่อแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อนั้น นายมิ่งขวัญ กล่าวว่า ถ้าดูจากราคาน้ำมันตั้งแต่ต้นปีที่แล้วกับปีนี้เปรียบเทียบกัน จะพบว่าสูงขึ้นมากกว่าเท่าตัว จาก 53 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ขึ้นมาเป็น 140 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ดังนั้น ก็มีความจำเป็นที่สินค้าต้องปรับขึ้นราคาบ้าง เพราะในช่วงรัฐบาลที่แล้วไม่ได้ปรับราคาสินค้านานถึง 8 เดือน เพราะติดคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข(คปค.) ในช่วงนั้นอยู่
--อินโฟเควสท์ โดย พณฦ/รัชดา/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--