เศรษฐกิจของจีนขยายตัวในระดับที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2548 ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ของจีนจำนวนหนึ่งกดดันให้ทางการชะลอการแข็งค่าของเงินหยวน เนื่องจากความต้องการที่ซบเซาทั่วโลกจะส่งผลให้แนวโน้มการส่งออกของจีนมืดมน และอาจนำไปสู่การชะลอตัวลงอย่างรุนแรงของเศรษฐกิจจีนที่มีอัตราการขยายตัวเร็วที่สุดในโลก
สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีนเปิดเผยในวันนี้ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ขยายตัว 10.1% ในไตรมาสสอง เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลงจาก 10.6% ในไตรมาสแรกปีนี้ ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 7.1% จากปีก่อน แต่ลดลงจากระดับ 7.7% ในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา
ค่าเงินหยวนร่วงลงมากที่สุดในรอบ 7 สัปดาห์ จากกระแสคาดการณ์ที่ว่ารัฐบาลจะชะลอการเดินหน้าแผนคุ้มครองงานให้ผู้ส่งออก หลังจากที่เงินหยวนแข็งค่าขึ้น 7% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ในปีนี้ ซึ่งถือว่าเป็นสกุลเงินเอเชียที่แข็งค่ามากที่สุด เนื่องจากจีนเร่งการแข็งค่าของเงินหยวนเพื่อบรรเทาสถานการณ์เงินเฟ้อ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า กระทรวงพาณิชย์ได้เรียกร้องให้คณะรัฐมนตรีควบคุมการแข็งค่าของเงินหยวน และเพิ่มเงินคืนภาษีส่งออกบางรายการ
"ผลการดำเนินงานของภาคส่งออกอาจส่งผลต่อแนวทางของรัฐบาลจีนในการกำหนดทิศทางการเคลื่อนไหวของเงินหยวน" จิง อุลริช ประธานฝ่ายหุ้นจีนจากเจพีมอร์แกนกล่าว "การผลักดันให้เงินหยวนแข็งค่าในอัตราที่ช้าลงกว่านี้จะส่งผลดีต่อภาคการส่งออก"
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 13.51 น. เงินหยวนร่วงลงแตะ 6.8276 ต่อดอลลาร์ จากระดับ 6.8133 เมื่อวานนี้ ซึ่งเป็นการร่วงลงมากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 27 พ.ค. 2551
การขยายตัวของ GDP ชะลอตัวเป็นไตรมาสที่สี่ติดต่อกัน อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจของจีนก็ยังถือว่าขยายตัวเร็วที่สุดในโลก และมีอิทธิพลในการช่วยให้เศรษฐกิจโลกขยายตัวต่อไปได้ในปีนี้ ท่ามกลางตลาดที่อยู่อาศัยที่ซบเซาและปัญหาในตลาดสินเชื่อที่อาจส่งให้เศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอย
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--