วาณิชธนกิจ เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2 ลดลง 53% เนื่องจากขาดทุนในตลาดปล่อยกู้เพื่อการจำนอง แต่ตัวเลขดังกล่าวนับว่าดีกว่าที่นักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้
ผลประกอบการที่ดีเกินคาดของเจพีมอร์แกนช่วยให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นว่า ภาคการเงินของสหรัฐจะสามารถฟันฝ่าภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวไปได้ ซึ่งมุมมองดังกล่าวช่วยหนุนหุ้นเจพีมอร์แกนปิดพุ่งขึ้น 13.5% และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่หนุนดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กทะยานขึ้นกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้
ทั้งนี้ ผลประกอบการไตรมาส 2 ของเจพีมอร์แกนมีอยู่ทั้งสิ้น 2 พันล้านดอลลาร์ หรือ 54 เซนต์/หุ้น ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่ระดับ 4.23 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.20 ดอลลาร์/หุ้น ขณะที่กำไรลดลง 3% แตะระดับ 1.84 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่ากำไรจะลดลงแตะระดับ 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์
อย่างไรก็ตาม เจพีมอร์แกนยังคงได้รับแรงกดดันจากวิกฤตการณ์สินเชื่อและตลาดปล่อยกู้จำนองเหมือนกับวาณิชธนกิจและธนาคารพาณิชย์รายอื่นๆ โดยนายเจมี ไดมอน ซีอีโอเจพีมอร์แกนกล่าวว่า "ปัญหาในภาคการเงินของสหรัฐยังคงมีอยู่ และเป็นเรื่องยากที่จะคาดการณ์ได้ว่าแนวโน้มตลาดปล่อยกู้จำนองจะฟื้นตัวขึ้นได้หรือไม่ในปีนี้ แต่เจพีมอร์แกนคาดว่า ตัวเลขขาดทุนในภาคการเงินจะทรุดตัวลงรุนแรงถึง 3 เท่า"
ไดมอนคาดการณ์ว่า สภาวะเศรษฐกิจสหรัฐจะอ่อนแอลงอีกและคาดว่าตลาดทุนจะยังคงเผชิญแรงกดดัน ซึ่งสถานการณ์เหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อภาคธุรกิจในปีนี้หรืออาจจะถึงปีหน้า สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--