บริษัท ไมโครซอฟท์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตซอฟท์แวร์รายใหญ่ที่สุดในโลก ทำกำไรไตรมาส 4 พลาดเป้าที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้ และยังได้จัดทำคาดการณ์รายได้ต่อหุ้นที่ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้เช่นกัน หลังจากที่เศรษฐกิจสหรัฐชะลอตัวจนส่งผลกระทบต่อยอดขาย และทำให้หุ้นของบริษัทร่วงลงถึง 6.4%
รายได้สุทธิของไมโครซอฟท์เพิ่มขึ้น 42% แตะ 4.3 พันล้านดอลลาร์ หรือ 46 เซนต์ต่อหุ้น จากระดับปีที่แล้วที่ 3.04 พันล้านดอลลาร์ หรือ 31 เซนต์ โดยตัวเลขรายได้ดังกล่าวไม่ได้เป็นไปตามระดับการประเมินโดยเฉลี่ยที่บลูมเบิร์กได้รวบรวมไว้ที่ 47 เซนต์ ส่วนยอดขายเพิ่มขึ้น 18% แตะ 1.58 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่จะสิ้นสุดในวันที่ 30 มิ.ย.
ยอดขายผลิตภัณฑ์เวิร์ด โปรเซสซิ่งและสเปรดชีทของไมโครซอฟท์ไม่เป็นไปตามเป้า 2 ครั้งแล้ว ในขณะที่โกลด์แมน แซคส์ ชี้ว่า สถานการณ์ดังกล่าวถือเป็นบรรยากาศการซื้อขายด้านเทคโนโลยีที่เลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ปี 2546 สตีฟ บอลล์เมอร์ ซีอีโอ ของไมโครซอฟท์กำลังตำยอดขายในต่างประเทศ แต่ความพยายามดังกล่าวก็ได้รับผลกระทบจากการลักลอบผลิตสินค้าเลียนแบบในประเทศต่างๆ เช่น จีนซึ่งสินค้า 8 ใน 10 รายการถูกผลิตเลียนแบบโดยผิดกฎหมาย
ไมเคิล ฮอลแลนด์ ประธานฮอลแลนด์ แอนด์ โค กล่าวว่า การคาดการณ์ของไมโครซอฟท์นั้นอยู่ในระดับต่ำ และสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจอยู่ในภาวะชะลอตัว นอกจากนี้ ไมโครซอฟท์เองยังมีปัญหาใหญ่เรื่องการลักลอบผลิตสินค้าเลียนแบบ ซึ่งดูเหมือนว่าจะเป็นปัญหาที่ยากจะแก้ไข
ไมโครซอฟท์ได้คาดการณ์รายได้ไตรมาส 1 ที่ 47 เซนต์ เป็น 48 เซนต์ต่อหุ้น และปรับคาดการณ์ยอดขาย 1.47 หมื่นล้านดอลลาร์ เป็น 1.49 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า กำไรต่อหุ้นจะอยู่ที่ 49 เซนต์ ยอดขาย 1.51 หมื่นล้านดอลลาร์
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--