ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆเมื่อคืนนี้ (18 ก.ค.) ขานรับผลประกอบการที่ดีเกินคาดของซิตี้กรุ๊ป เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และธนาคารเวลส์ ฟาร์โก ซึ่งช่วยให้นักลงทุนลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับปัญหาในภาคการเงินของสหรัฐ อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์ได้รับแรงกดดันหลังจากประธานธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) แสดงความกังวลเรื่องตัวเลขเงินเฟ้อในยุโรป ซึ่งจุดกระแสคาดการณ์ว่าอีซีบีอาจตรึงดอกเบี้ยต่อไปอีก
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์แข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 106.95 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันพฤหัสบดีที่ 106.25 เยน/ดอลลาร์ และพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.0221 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0188 ฟรังค์/ดอลลาร์
ค่าเงินยูโรร่วงลงแตะระดับ 1.5843 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.5861 ดอลลาร์/ยูโ และเงินปอนด์อ่อนตัวลงแตะระดับ 1.9973 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 2.0014 ดอลลาร์/ปอนด์
สกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์อ่อนตัวลงแตะระดับ 0.7608 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7630 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลงแตะระดับ 0.9701 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.9722 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย
ดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นหลังจาก ซิตี้กรุ๊ป เปิดเผยผลประกอบการไตรมาสสองขาดทุน 2.5 พันล้านดอลลาร์ หรือ 54 เซนต์ต่อหุ้น และมีการปลดพนักงานเพิ่มขึ้นอีก 6,000 ตำแหน่งในช่วงเวลาดังกล่าว ซึ่งจะทำให้จำนวนพนักงานทั้งหมดที่ถูกเลออฟในปี 2551 รวมเป็น 11,000 ตำแหน่ง เนื่องจากบริษัทได้รับผลกระทบอย่างหนักจากยอดการผิดนัดชำระเงินกู้ที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ตัวเลขขาดทุนของซิตี้กรุ๊ปยังดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ว่าบริษัทจะขาดทุนถึง 66 เซนต์ต่อหุ้น
ไมเคิล วูลฟอล์ค นักวิเคราะห์จากแบงค์ ออฟ อเมริกากล่าวว่า ดอลลาร์ยังคงได้รับแรงหนุนจากเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ที่เปิดเผผลประกอบการไตรมาส 2 ลดลง 53% เนื่องจากขาดทุนในตลาดปล่อยกู้เพื่อการจำนอง แต่ตัวเลขดังกล่าวนับว่าดีกว่าที่นักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีทคาดการณ์ไว้
ทั้งนี้ ผลประกอบการไตรมาส 2 ของเจพีมอร์แกนมีอยู่ทั้งสิ้น 2 พันล้านดอลลาร์ หรือ 54 เซนต์/หุ้น ลดลงจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่ระดับ 4.23 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.20 ดอลลาร์/หุ้น ขณะที่กำไรลดลง 3% แตะระดับ 1.84 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่ากำไรจะลดลงแตะระดับ 1.6 หมื่นล้านดอลลาร์
สำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนีรายงานว่า ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ขยายตัวมากสุดในรอบ 26 ปี ในเดือนมิ.ย. โดยราคาสินค้าตั้งแต่กระดาษหนังสือพิมพ์ไปจนถึงพลาสติกมีการขยายตัวกว่า 6.7% ในเดือนมิ.ย.เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.ปี 2525 หลังจากที่มีการขยายตัว 6% ในเดือนพ.ค. โดยก่อนหน้านี้นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่าจะมีการขยายตัว 6.5%
"ดัชนี PPI ที่ขยายตัวสูงสุดในรอบ 26 ปีของเยอรมนีซึ่งเป็นประเทศที่มีระบบเศรษฐกิจขนาดใหญ่สุดในยุโรป สร้างความกังวลใจให้กับประธานอีซีบี จึงทำให้เกิดกระแสคาดการณ์ว่าอีซีบีอาจตรึงดอกเบี้ยต่อไปอีก" วูลฟอล์คกล่าว
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--