นายเมตตา บันเทิงสุข อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน เปิดเผยว่า จากการหารือร่วมกับผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา 7, โรงกลั่นน้ำมัน ตลอดจนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน(สนพ.), กรมการค้าภายใน, กรมสรรสามิต เป็นต้น เพื่อหาแนวทางการปฏิบัติและการรับชดเชยกรณีที่มีส่วนต่างเกิดขึ้นจากการปรับลดภาษีสรรพสามิตน้ำมัน
โดยที่ประชุมฯ เห็นชอบให้ส่งเจ้าหน้าที่ไปยังคลังน้ำมัน และสถานีบริการน้ำมันต่างๆ ในเวลา 24.00 น.วันที่ 24 ก.ค. และวันที่ 31 ม.ค.52 เพื่อตรวจสอบปริมาณสต๊อกน้ำมัน ซึ่งจากการประเมินในเบื้องต้นคาดว่าจะมีปริมาณน้ำมันคงเหลือที่จะต้องปรับราคาประมาณ 210 ล้านลิตร โดยจะมีการชดเชยเงินจากสถาบันบริหารกองทุนพลังงานประมาณ 500-600 ล้านบาท แต่เชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบต่อกองทุนฯ เพราะขณะนี้กองทุนฯ ยังมีเงินสดสำรองอยู่ 3,000 ล้านบาท และมีรายรับต่อเดือนอีกประมาณ 100 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ได้ขอความร่วมมือให้สถานีบริการน้ำมันทุกรายจำหน่ายน้ำมันตามปกติ เพราะทุกปั้มจะได้รับเงินชดเชยคืนภายในไม่เกิน 1 สัปดาห์ หลังจากได้จำหน่ายน้ำมันที่ค้างสต๊อกออกไป
สำหรับการตรวจสต๊อกน้ำมันนี้จะใช้คำสั่งของนายกรัฐมนตรีเป็นตัวควบคุมเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา โดยการตรวจสต๊อกของปั๊มน้ำมันใน กทม.จะใช้เจ้าหน้าที่จากกระทรวงพลังงาน กรมการค้าภายใน และตำรวจนครบาล ส่วนการตรวจสต๊อกคลังน้ำมันขนาดใหญ่ในต่างจังหวัดจะเป็นเจ้าหน้าที่จากกระทรวงพลังงาน ส่วนปั๊มน้ำมันตามต่างจังหวัดนั้นจะมีการตั้งคณะทำงานโดยมีผู้ว่าราชการแต่ละจังหวัดเป็นประธาน และมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเป็นกรรมการในชุดดังกล่าว
--อินโฟเควสท์ โดย อตฦ/กษมาพร/ธนวัฏ โทร.0-2253-5050 ต่อ 325 อีเมล์: tanawat@infoquest.co.th--