แบงก์ ออฟ อเมริกา คอร์ป ธนาคารรายใหญ่อันดับ 2 ของสหรัฐด้วยมูลค่าสินทรัพย์ รายงานว่า ผลกำไรของบริษัทร่วงลง 41% ในไตรมาสสอง เนื่องจากคุณภาพสินเชื่อที่ยังคงอ่อนแอลงอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังดีกว่าที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้ ซึ่งส่งผลให้หุ้นของธนาคารพุ่งขึ้นในช่วงก่อนเปิดตลาด
แบงก์ ออฟ อเมริกา ซึ่งมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในรัฐนอร์ท แคโรไลน่า มีกำไรสุทธิในช่วงเดือนเม.ย.-มิ.ย. อยู่ที่ 3.41 พันล้านดอลลาร์ หรือ 72 เซนต์ต่อหุ้น ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ระดับ 5.76 พันล้านดอลลาร์ หรือ 1.28 ดอลลาร์ต่อหุ้น ขณะที่นักวิเคราะห์ 21 รายจากการสำรวจความคิดเห็นของบลูมเบิร์ก คาดการณ์ว่า กำไรในไตรมาสสองของธนาคารจะอยู่ที่ 54 เซนต์ต่อหุ้น ส่วนนักวิเคราะห์จากธอมสัน ไฟแนนเชียลคาดว่า กำไรจะอยู่ที่ 53 เซนต์ต่อหุ้น จากรายได้ 1.83 หมื่นล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ แบงก์ ออฟ อเมริกา เพิ่งเสร็จสิ้นการซื้อกิจการ คันทรีไวด์ ไฟแนนเชียล คอร์ป ด้วยมูลค่า 2.5 พันล้านดอลลาร์ไปเมื่อวันที่ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทเชื่อว่าจะช่วยเพิ่มผลกำไรให้กับบริษัทในปีนี้
ธนาคารระดับท็อป 5 ของสหรัฐ จำนวน 4 แห่ง ต่างก็มีผลประกอบการไตรมาสสองที่ออกมาดีเกินคาด ส่งผลให้หุ้นของหุ้นกลุ่มการเงินเดินหน้าขึ้นอย่างคึกคัก ซึ่งรวมถึงหุ้นของแบงก์ ออฟ อเมริกา ที่ทะยานถึง 48% ในการซื้อขาย 3 วันสุดท้ายในสัปดาห์ก่อน
ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซิตี้กรุ๊ป อิงค์, เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และเวลส์ ฟาร์โก แอนด์ โค ได้รายงานผลประกอบการไตรมาสสองที่ดีกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ โดยซิตี้กรุ๊ป ธนาคารรายใหญ่ที่สุดเมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ ขาดทุน 2.5 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งน้อยกว่าคาด ขณะที่เจพีมอร์แกน ซึ่งเป็นธนาคารรายใหญ่สุดเมื่อพิจารณามูลค่าตลาด มีกำไรลดลง 53%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--