สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐเคลื่อนไหวทรงตัวที่ตลาดปริวรรตเงินตราโตเกียวเช้าวันนี้ แต่การเคลื่อนไหวในช่วงขาขึ้นนั้นกลับถูกบดบัง เนื่องจากนักลงทุนมองว่าวิกฤตการณ์ในตลาดการเงินของสหรัฐยังไม่สิ้นสุดลงในเร็ววันนี้ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวกลายเป็นปัจจัยที่เอื้อต่อสกุลเงินยูโร
อย่างไรก็ตาม เงินดอลลาร์เริ่มฟื้นตัวขึ้นบ้างหลังจากที่ผลประกอบการของสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่อย่างซิตี้กรุ๊ป เจพีมอร์แกน เชส และแบงค์ ออฟ อเมริกาออกมาดีเกินคาด ซึ่งนักลงทุนกำลังจับตาการรายงานของสถาบันการเงินรายอื่นๆต่อไปในสัปดาห์นี้
นอกจากนี้ เงินยูโรอาจแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยนจากแรงซื้อของนักลงทุนญี่ปุ่น โดยเทรดเดอร์จับตาดูว่าเงินยูโรจะทะยานแข็งค่าขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อเทียบกับเงินเยนของญี่ปุ่นหรือไม่
อย่างไรก็ตาม ตลาดยังคงเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆเนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงปลีกตัวออกนอกตลาดเพราะทางการยังไม่มีกำหนดการรายงานตัวเลขเศรษฐกิจ หรือมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้น ขณะที่เมื่อวานนี้ตลาดเงินญี่ปุ่นปิดทำการเนื่องในวันหยุดราชการ
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงานว่า เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น 0.1% แตะที่ 1.5922 เยนต่อดอลลาร์ ขณะที่เงินยูโรเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยอยู่ที่ระดับ 1.5922 ดอลลาร์ต่อยูโรและแข็งค่าขึ้น 0.1% เมื่อเทียบกับสกุลเงินเยนไปแตะที่ 169.61 เยนต่อยูโร ใกล้กับระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 169.91 เยนต่อยูโร
จากวิกฤตการณ์ในตลาดสินเชื่อที่ส่งผลกระทบต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์และธุรกิจธนาคาร อีกทั้งยังสร้างความเสียหายต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ทำให้กระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในปีนี้เพื่อควบคุมแรงกดดันด้านเงินเฟ้อนั้นเริ่มแผ่วลง ซึ่งความเคลื่อนไหวเช่นนี้เป็นปัจจัยลบต่อสกุลเงินสหรัฐ
"ทิศทางของเงินดอลลาร์จะถูกควบคุมด้วยสกุลเงินยูโร ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะปรับตัวสูงขึ้น โดยเงินยูโรอาจได้รับอานิสงส์จากเม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนชาวญี่ปุ่นที่ต้องการเข้าถือครองสินทรัพย์ที่ให้อัตราผลตอบแทนสูง" ดีลเลอร์จากบริษัทด้านการลงทุนในญี่ปุ่นกล่าว
นอกจากนี้ ตลาดยังคงให้ความสนใจกับแผนการช่วยเหลือบริษัทปล่อยกู้จำนองยักษ์ใหญ่ทั้งสองแห่งของสหรัฐอย่างแฟนนี เม และเฟรดดี แมค หลังจากที่นายเฮนรี่ พอลสัน รัฐมนตรีคลังสหรัฐเปิดเผยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่าเขามีมุมมองในแง่บวกว่าทางสภาคองเกรสอาจเห็นชอบกับข้อเรียกร้องในการบังคับใช้แผนการอุ้มบริษัททั้งสองแห่งนี้
ทั้งนี้ นายพอลสันได้กล่าวให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว CNBC ว่า ความเชื่อมั่นในตลาดทุนและเศรษฐกิจของสหรัฐเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่จะช่วยหนุนให้เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นได้
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--