นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกของไทยในเดือนมิ.ย.51 ขยายตัว 27.4% คิดเป็นมูลค่า 16,268 ล้านดอลลาร์ สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่การนำเข้าขยายตัว 30.7% คิดเป็นมูลค่า 15,640 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ในเดือนมิ.ย.51 ไทยเกินดุลการค้า 628 ล้านดอลลาร์
ส่วนภาวะการค้าระหว่างประเทศของไทยในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้(ม.ค.-มิ.ย.51)การส่งออกขยายตัว 23.1% คิดเป็นมูลค่า 87,213 ล้านดอลลาร์ การนำเข้าขยายตัว 33.6% คิดเป็นมูลค่า 88,280 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ช่วงครึ่งปีแรก ไทยยังขาดดุลการค้าอยู่ 1,067 ล้านดอลลาร์
ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า การส่งออกในเดือนมิ.ย.51 ที่สูงเกินกว่า 16,000 ล้านดอลลาร์ และถือว่าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากการส่งออกสินค้าเพิ่มขึ้นในอัตราสูงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร ส่งออกเพิ่มขึ้นถึง 51.7% คิดเป็นมูลค่า 2,824 ล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นตามมูลค่าของราคาสินค้า เช่น ข้าว 805 ล้านดอลลาร์ มูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 201.9% นอกนั้นเป็นยางพารา, ผัก ผลไม้สด กระป๋องและแปรรูป, ไก่แช่แข็งและแปรรูป เป็นต้น
ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมสำคัญรวมเชื้อเพลิง ส่งออกเพิ่มขึ้น 26.3% คิดเป็นมูลค่า 12,572 ล้านดอลลาร์ โดยสินค้าส่วนใหญ่ขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เช่น ผลิตภัณฑ์พลาสติก, อัญมณี, เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ, เคมีภัณฑ์, น้ำมันดิบ, ผลิตภัณฑ์ยาง, เครื่องสำอาง สิ่งพิมพ์และกระดาษ เป็นต้น
ด้านตลาดส่งออกของไทย พบว่าขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งตลาดหลักและตลาดใหม่ โดยตลาดหลักนั้น อาเซียนเพิ่มขึ้น 64.8%, ญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 12.5%, สหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 3.2% และญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 1.3% ส่วนตลาดใหม่ที่มีการขยายตัวในอัตราสูง ได้แก่ แอฟริกา เพิ่มขึ้น 53.3%, ออสเตรเลีย เพิ่มขึ้น 51.3%, อินโดจีนและพม่า เพิ่มขึ้น 47.2%, ตะวันออกกลาง เพิ่มขึ้น 42.6%, ฮ่องกง เพิ่มขึ้น 40.8% เป็นต้น
สำหรับการนำเข้าในเดือนมิ.ย.51 ที่เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 30.7% เป็นเพราะมีการนำเข้าสินค้าสำคัญเพิ่มขึ้นทุกหมวด โดยสินค้ากลุ่มวัตถุดิบ/กึ่งสำเร็จรูป มีการนำเข้าเพิ่มขึ้น 27.6% คิดเป็นมูลค่าถึง 6,585 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากราคาสินค้าที่นำเข้าเพิ่มขึ้น ประกอบกับเป็นการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการผลิตเพื่อส่งออก
ส่วนสินค้ากลุ่มเชื้อเพลิง นำเข้าเพิ่มขึ้นถึง 66.4% คิดเป็นมูลค่า 3,472 ล้านดอลลาร์ โดยในกลุ่มนี้คิดเป็นการนำเข้าน้ำมันดิบมากสุดที่มูลค่า 2,781 ล้านดอลลาร์ มูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้นถึง 72.8% เนื่องจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น ขณะที่ปริมาณการนำเข้าลดลง 5.4%
ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เชื่อว่า การส่งออกในปีนี้ที่ตั้งไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 12.5% จะเป็นไปได้ ส่วนเป้าหมายที่ 15% ถือเป็นเป้าที่ท้าทาย ซึ่งกระทรวงพาณิชย์จะพยายามทำให้ได้ ส่วนจะมีการปรับเป้าหมายการส่งออกของปีนี้หรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่อยากจะเสี่ยงและขอรอดูสถานการณ์อีกสักระยะ
--อินโฟเควสท์ โดย พณฦ/กษมาพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--