ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (22 ก.ค.) เพราะได้รับรับแรงหนุนจากราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ที่ร่วงลงกว่า 3 ดอลลาร์ และจากการแสดงความคิดเห็นของนายชาร์ลส์ พลอสเชอร์ ผู้ว่าการธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟียที่ว่า เฟดอาจไม่รอให้ตลาดการเงินฟื้นตัวขึ้นก่อนจึงค่อยปรับขึ้นดอกเบี้ย
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์แข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 107.34 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันจันทร์ที่ 106.41 เยน/ดอลลาร์ และฟื้นตัวขึ้นแตะระดับ 1.0318 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0171 ฟรังค์/ดอลลาร์
ขณะที่สกุลเงินยูโรอ่อนตัวลงแตะระดับ 1.5770 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.5929 ดอลลาร์/ยูโร และเงินปอนด์อ่อนตัวลงแตะระดับ 1.9902 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 2.0030 ดอลลาร์/ปอนด์
ส่วนค่าเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์อ่อนตัวลงแตะระดับ 0.7589 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7615 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ และค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียร่วงลงแตะระดับ 0.9707 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตเรลีย จากระดับ 0.9768 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตเรลีย
ไมเคิล วูลฟอล์ค นักวิเคราะห์จากแบงค์ ออฟ อเมริกา กล่าวว่า "นอกเหนือจากการแสดงความเห็นของผู้ว่าการเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียที่ส่งสัญญาณว่าเฟดอาจขึ้นดอกเบี้ยแล้ว การที่นายเฮนรี พอลสัน รมว.คลังสหรัฐกล่าวว่า สหรัฐยังคงสนับสนุนสกุลเงินดอลลาร์ให้แข็งแกร่งขึ้น ยังเป็นอีกปัจจัยที่หนุนดอลลาร์ฟื้นตัวขึ้นด้วย"
ในช่วงเช้าดอลลาร์อ่อนตัวลงหลังจากธนาคารโชเวีย ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์รายใหญ่อันดับ 4 ของสหรัฐเมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ เปิดเผยตัวเลขขาดทุน 8.9 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสสอง เพราะได้รับผลกระทบจากตัวเลขหนี้เสียที่เพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นผลมาจากยอดการผิดนัดชำระเงินกู้ที่สูงขึ้น
ขณะที่อเมริกัน เอ็กซ์เพรส บริษัทบัตรเครดิตรายใหญ่ที่สุดของสหรัฐเมื่อพิจารณาจากกำลังซื้อ ประกาศลดคาดการณ์ผลประกอบการตลอดปี 2551 หลังจากที่ผลกำไรไตรมาส 2 ร่วงลงกว่า 37% เนื่องจากมีลูกค้าจำนวนมากที่ไม่สามารถชำระหนี้ได้
แต่ต่อมาดอลลาร์เริ่มฟื้นตัวขึ้นหลังจากผู้ว่าการเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียกล่าวว่า ตัวเลขเงินเฟ้อที่สูงขึ้นอาจบีบให้เฟดต้องขึ้นดอกเบี้ยเพื่อสกัดกั้นเงินเฟ้อ
"เฟดอาจต้องขึ้นอัตราดอกเบี้ยไม่ช้าก็เร็ว แม้ว่าตัวเลขจ้างงานและสภาวะในตลาดการเงินยังคงซบเซาอยู่ก็ตาม ตัวเลขเงินเฟ้อในขณะนี้อยู่ในระดับที่สูงเกินไปและจะส่งผลกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจโดยรวม ซึ่งเรื่องนี้เฟดคงจะนิ่งนอนใจอยู่ไม่ได้ และเฟดคงไม่รอให้ตลาดการเงินฟื้นตัวขึ้นก่อนจึงค่อยปรับขึ้นดอกเบี้ย" ผู้ว่าการเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียกล่าว
การแสดงความเห็นของผู้ว่าการเฟดสาขาฟิลาเดลเฟียมีขึ้นหลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.1% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2548 โดยมีสาเหตุหลักมาจากราคาน้ำมันเบนซินที่พุ่งขึ้น และเป็นการปรับตัวขึ้นสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.7%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--