สำนักงบประมาณแห่งรัฐสภาสหรัฐ (CBO) ประเมินว่า แผนการพยุงกิจการบริษัทแฟนนี เม และเฟรดดี แมค ของคณะทำงานประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช ซึ่งรวมถึงการเข้าซื้อหุ้นในบริษัททั้งสองนั้น จะทำให้รัฐสูญเงินงบประมาณในปี 2552 และ 2553 ราว 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์
ปีเตอร์ ออร์แซก ผู้อำนวยการ CBO ได้ส่งหนังสือแจ้งต่อนายจอห์น สแปรทท์ ประธานคณะกรรมาธิการงบประมาณแห่งรัฐสภาสหรัฐ ว่า "หากสภาคองเกรสอนุมัติแผนพยุงกิจการแฟนนี เม และเฟรดดี แมค จะทำให้รัฐสูญงบประมาณกว่า 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และอาจทำให้รัฐบาลต้องให้ความช่วยเหลือ แฟนนี เม และ เฟรดดี แมค หน่วยงานซึ่งรัฐบาลสหรัฐให้การสนับสนุน (GSE) และมีหน้าที่จัดหาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้ซื้อบ้านต่อไปอีกหากบริษัททั้งสองเผชิญวิกฤตการณ์ด้านสภาพคล่องในวันข้างหน้า"
ขณะที่วุฒิสมาชิก จิม บันนิง กล่าวโจมตีแผนการช่วยเหลือแฟนนี เม และเฟรดดี แมค ว่า แผนการดังกล่าว "มีกลิ่นอายของระบอบสังคมนิยม" และถือเป็นการแทรกแซงตลาดอย่างไม่เหมาะสม ทั้งๆที่ควรจะปล่อยให้ตลาดเคลื่อนไหวไปตามกลไกอย่างเสรี
"สำหรับผมแล้ว แผนการดังกล่าวมีกลิ่นอายของระบอบสังคมนิยมอย่างชัดเจน ผมไม่ต้องการให้ตลาดเสรีกลายเป็นตลาดในระบอบสังคมนิยม ผมไม่คิดว่าแผนการนี้จะได้ผล และไม่เชื่อว่าชาวอเมริกันจะพอใจกับเรื่องนี้" วุฒิสมาชิกบันนิงกล่าว สำนักข่าวเอพีรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--