จาง หมิง นักวิจัยจากสภาสังคมศาสตร์จีน เปิดเผยว่า จีนจะชะลอการแข็งค่าของเงินหยวนให้เคลื่อนไหวอยู่ที่ระดับ 3% ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ เพื่อช่วยเหลือกลุ่มผู้ส่งออกที่กำลังเผชิญปัญหาด้านอุปสงค์หดตัว ขณะแบกรับต้นทุนที่แพงขึ้น
ในช่วงครึ่งปีแรก เงินหยวนของจีนแข็งค่าขึ้น 6.6% เมื่อกับสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งส่งผลให้เงินหยวนลอยตัวขึ้น 21% นับตั้งแต่จีนได้ยกเลิกนโยบายผูกติดสกุลเงินดอลลาร์ในปี 2548 โดยค่าเงินที่พุ่งขึ้นแข็งแกร่งได้ทำให้การส่งออกสินค้าไปต่างประเทศชะลอตัวลง โดยยอดส่งออกเดือนมิ.ย.ขยายตัวต่ำสุดในรอบ 4 เดือน
"เงินหยวนที่ทะยานแข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วสร้างความเสียหายต่อภาคธุรกิจส่งออกและหลายหน่วยงานของรัฐบาลไม่เห็นด้วย" จางกล่าว "รัฐบาลจะชะลอการแข็งค่าของเงินหยวนเนื่องจากภาวะดังกล่าวทำให้บริษัทในหลายมณฑลประสบภาวะล้มละลายเพิ่มมากขึ้น"
จาง ผู้เขียนบทความเรื่องเงินหยวนที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของ CASS กล่าวว่า เงินหยวนของจีนจะขยายตัวขึ้น 10% ในปีนี้ ซึ่งจะทำให้อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 6.64 ต่อดอลลาร์ในปลายปีนี้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ณ เวลา 11.28 น.ในวันนี้ เงินหยวนอ่อนค่าลง 0.1% แตะที่ 6.8288 ต่อดอลลาร์จากระดับ 6.8217 ต่อดอลลาร์เมื่อวานนี้
ทั้งนี้ นักวิเคราะห์ 28 รายจากโพลล์ของสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดการณ์ว่า เงินหยวนจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 6.64 ต่อดอลลาร์ในปลายปีนี้
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--