นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวว่า ทางการจะเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในอีก 1-2 เดือนข้างหน้า หลังจากได้รับรายงานจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.)ว่าเห็นสัญญาณการชะลอตัวของการลงทุนและความเชื่อมั่นผู้บริโภคตั้งแต่เดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการหารือกับคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) และกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา เพื่อออกมาตรการที่เหมาะสม
"ทิศทางการลงทุนและความเชื่อมั่นการลงทุนในประเทศไทยมีแนวโน้มลดลง หากเราไม่มีมาตรการใดๆ มากระตุ้นเศรษฐกิจและเรียกคืนความเชื่อมั่น อาจจะทำให้เศรษฐกิจชะลอตัวลงได้อีก รัฐบาลจะไม่รอให้ปัญหารุนแรงก่อนออกมาแก้ไข" นพ.สุรพงษ์ กล่าว
ส่วนมาตรการลดภาษีเงินได้นิติบุคคลนั้นยังอยู่ในระหว่างการศึกษาโครงสร้าง แต่ยังไม่สามารถบอกล่วงหน้าได้ เนื่องจากต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ และยังไม่เหมาะสมที่จะนำมาใช้ในขณะนี้เพราะภาวะเศรษฐกิจมีความผันผวนมาก
รมว.คลัง กล่าวอีกว่า แนวทางหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจจะผลักดันให้มีการใช้พื้นที่ว่างใต้ทางด่วนมาจัดสรรให้กับผู้ประกอบการ SME นำสินค้ามาเปิดร้านขาย โดยขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกับกระทรวงคมนาคม, กรมธนารักษ์, บริษัท ธนารักษ์พัฒนาสินทรัพย์(ธพส.) และการทางพิเศษแห่งประเทศไทย(กทพ.) เพื่อสร้างแหล่งสร้างอาชีพให้ผู้มีรายได้น้อย
ขณะนี้ได้มอบหมายให้ ธพส.จัดทำรายละเอียดภายใน 2 สัปดาห์ คาดว่าไม่เกิน 3 เดือนร้านค้าจะสามารถเข้าพื้นที่ไปขายของได้ เป้าหมายไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นยูนิต เบื้องต้นมีพื้นที่ใต้ทางด่วนบริเวณถนนสุขุมวิท สีลม อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ รวมทั้งพื้นที่ใต้ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ซึ่งอาจใช้เป็นศูนย์กลางด้านกีฬาให้กับเยาวชนด้วย และคิดค่าเช่าในอัตราประหยัด
นพ.สุรพงษ์ ยังกล่าวถึงการลงทุนในโครงการเมกะโปรเจ็คต์ ซึ่งจะเป็นตัวช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรวมนั้น คาดว่า ภายในปีนี้จะได้ความชัดเจนเรื่องแหล่งเงินกู้และการเปิดประมูลโครงการรถไฟฟ้าทั้ง 5 สายที่เหลือ ซึ่งจะใช้เงินลงทุนจากเงินกู้ต่างประเทศ และแหล่งเงินภายในประเทศ โดยระหว่างนี้รอเพียงข้อสรุปการปรับวงเงินค่าก่อสร้างครั้งสุดท้ายที่รัฐจะต้องเป็นผู้ลงทุนด้านงานโยธา
--อินโฟเควสท์ โดย คลฦ/ศศิธร/ธนวัฏ โทร.0-2253-5050 ต่อ 325 อีเมล์: tanawat@infoquest.co.th--