ภาวะตลาดเงินนิวยอร์ก: ดอลล์แข็งเทียบเยน หลังราคาน้ำมันร่วงเกือบ 4$

ข่าวต่างประเทศ Thursday July 24, 2008 07:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินเยน ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (23 ก.ค.) เพราะได้รับปัจจัยหนุนจากราคาน้ำมันดิบที่ร่วงลงเกือบ 4 ดอลลาร์ และจากการที่นักลงทุนมีความเชื่อมั่นในภาคการเงินของสหรัฐมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ดอลลาร์อ่อนตัวลงเมื่อเทียบกับยูโรและสกุลเงินหลักๆ หลังจากธนคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่าเศรษฐกิจในหลายภูมิภาคกำลังชะลอตัวลง
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ค่าเงินดอลลาร์แข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 107.87 เยน/ดอลลาร์ จากระดับของวันอังคารที่ 107.34 เยน/ดอลลาร์ และพุ่งขึ้นแตะระดับ 1.0381 ฟรังค์/ดอลลาร์ จากระดับ 1.0307 ฟรังค์/ดอลลาร์
ค่าเงินยูโรร่วงลงแตะระดับ 1.5688 ดอลลาร์/ยูโร จากระดับ 1.5783 ดอลลาร์/ยูโร และเงินปอนด์แข็งแกร่งขึ้นแตะระดับ 1.9987 ดอลลาร์/ปอนด์ จากระดับ 1.9906 ดอลลาร์/ปอนด์
สกุลเงินดอลลาร์นิวซีแลนด์ร่วงลงแตะระดับ 0.7510 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ จากระดับ 0.7589 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์นิวซีแลนด์ และดอลลาร์ออสเตรเลียพุ่งขึ้นแตะระดับ 0.9617 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย จากระดับ 0.9711 ดอลลาร์สหรัฐ/ดอลลาร์ออสเตรเลีย
ดอลลาร์แข็งแกร่งขึ้นเมื่อเทียบกับเงินเยน หลังจากราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ร่วงลง 3.98 ดอลลาร์ ปิดที่ระดับ 124.44 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วันที่ 4 มิ.ย.เป็นต้นมา ภายหลังจากกระทรวงพลังงานสหรัฐเปิดเผยว่าสต็อกน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้นเกินคาด
เฟดเปิดเผยรายงาน Beige Book ซึ่งเป็นรายงานสำรวจภาวะเศรษฐกิจจากเฟดทั้ง 12 เขต ว่า เศรษฐกิจในหลายภูมิภาคชะลอตัวลง ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคทรุดตัวลงแม้รัฐบาลใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการจ่ายเช็คคืนเงินภาษี
บ็อบ ซินช์ หัวหน้านักวิเคราะห์จากแบงค์ ออฟ อเมริกากล่าวว่า "รายงาน Beige Book เป็นปัจจัยสำคัญที่ถ่วงดอลลาร์ร่วงลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ นอกจากนี้ นักลงทุนจะติดตามข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้"
ในคืนวันนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐเตรียมเปิดเผยรายงานยอดผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติจะรายงานยอดขายบ้านมือสองเดือนมิ.ย. ส่วนในวันพรุ่งนี้ กระทรวงพาณิชย์จะรายงานยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนมิ.ย. มหาวิทยาลัยมิชิแกนเตรียมเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นขั้นสุดท้ายเดือนมิ.ย. และกระทรวงพาณิชย์จะรายงานยอดขายบ้านใหม่เดือนมิ.ย.
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูความคืบหน้าของบริษัทแฟนนี เม และเฟรดดี แมค หลังจากปีเตอร์ ออร์แซก ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณแห่งรัฐสภาสหรัฐ (CBO) ประเมินว่า แผนการพยุงกิจการบริษัทแฟนนี เม และเฟรดดี แมค หน่วยงานซึ่งรัฐบาลสหรัฐให้การสนับสนุน (GSE) และมีหน้าที่จัดหาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้ซื้อบ้าน รวมถึงการเข้าซื้อหุ้นในบริษัททั้งสองนั้น จะทำให้รัฐสูญเงินงบประมาณในปี 2552 และ 2553 ราว 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์
"หากสภาคองเกรสอนุมัติแผนพยุงกิจการแฟนนี เม และเฟรดดี แมค จะทำให้รัฐสูญงบประมาณกว่า 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และอาจทำให้รัฐบาลต้องให้ความช่วยเหลือ แฟนนี เม และ เฟรดดี แมค ต่อไปอีกหากบริษัททั้งสองเผชิญวิกฤตการณ์ด้านสภาพคล่องในวันข้างหน้า" ออร์แซกกล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ