ยอดค้าปลีกของอังกฤษร่วงลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี พ.ศ.2529 ในเดือนมิ.ย. เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงและเศรษฐกิจที่อยู่ในภาวะชะลอตัวกดดันให้ผู้บริโภคใช้จ่ายน้อยลง
สำนักงานสถติแห่งชาติของอังกฤษรายงานว่า ยอดค้าปลีกร่วงลงกว่า 3.9% ในเดือนมิ.ย. หลังจากที่ขยายตัวกว่า 3.6% ในเดือนพ.ค. ซึ่งนับเป็นการขยายตัววมากที่สุดนับตั้งแต่เริ่มมีการเก็บข้อมูลเมื่อ 20 ปีที่แล้ว โดยก่อนหน้านี้นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่ายอดค้าปลีกเดือนมิ.ย.จะลดลง 2.6%
คณะกรรมการกำหนดนโยบายของธนาคารกลางอังกฤษกล่าวว่าตัวเลขค้าปลีกที่ลดลงแสดงให้เห็นว่าเศรษฐกิจกำลังอยู่ในภาวะชะลอตัว ในขณะเดียวกันมูลค่าบ้านที่ลดลงและมูลค่าสินเชื่อที่พุ่งสูงก็กดดันให้ผู้บริโภคต้องลดการใช้จ่าย แต่อัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงก็ทำให้ธนาคารกลางไม่สามารถลดดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้
"ผู้บริโภคกำลังเผชิญกับภาวะเศรษฐกิจซบเซา รวมถึงอัตราว่างงานและราคาสินค้าที่ปรับตัวสูงขึ้น" ฟิลิป ชอว์ หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Investec Securities ในลอนดอน กล่าว "คาดว่าอัตราการบริโภคจะยังไม่ปรับตัวสูงขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้"
ณ เวลา 10.07 น.ตามเวลาลอนดอนหลังการเปิดเผยยอดค้าปลีกดังกล่าว เงินปอนด์อ่อนค่าลง 0.2% เมื่อเทียบเงินดอลลาร์และเงินยูโรโดยซื้อขายอยู่ที่ระดับ 1.9873 ดอลลาร์ต่อปอนด์ และ 78.91 เพนซ์ต่อยูโร สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--