นักวิเคราะห์คาดยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐอาจลดลงในเดือนมิ.ย. หลังต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้นจนส่งผลให้ภาคเอกชนต้องลดค่าใช้จ่าย
โดยผลสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ 78 ท่านซึ่งจัดทำโดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กเผยว่า ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนอาจลดลง 0.3% ในเดือนมิ.ย. หลังจากที่ทรงตัวในเดือนพ.ค.
ในขณะเดียวกัน นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ว่ายอดขายบ้านมือหนึ่งและดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่จะได้รับการเปิดเผยในวันนี้อาจอยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 28 ปี
ภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ซบเซาอย่างหนักรวมถึงมาตรการควบคุมการปล่อยเงินกู้ที่เข้มงวดกว่าเดิมอาจกดดันให้ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนร่วงลงอีกในช่วงหลายเดือนต่อจากนี้ และอาจส่งผลให้เศรษฐกิจหยุดชะงักในที่สุด ในขณะเดียวกัน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งสูงก็ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจต่างประเทศ ดังนั้นภาคเอกชนจึงไม่สามารถหวังพึ่งการส่งออกได้
"สภาพเศรษฐกิจโดยรวมกำลังซบเซาลงเรื่อยๆ" เจมส์ โอ ซัลลิแวน นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากยูบีเอส ซีเคียวริตี้ส์ แอลแอลซี ในคอมเน็คติกัต กล่าว "ในขณะเดียวกันแนวโน้มการใช้จ่ายผู้บริโภคก็ชะลอตัวลง"
กระทรวงพาณิชย์มีกำหนดเปิดเผยยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนอย่างเป็นทางการในเวลา 8.30 น.ตามเวลาวอชิงตัน โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าตัวเลขดังกล่าวจะอยู่ระหว่างหดตัวลง 2.5% ถึงขยายตัว 1% แต่หากไม่นับรวมอุปกรณ์เกี่ยวกับการขนส่ง ยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนอาจหดตัวลง 0.2%
ส่วนยอดขายบ้านมือหนึ่งซึ่งจะได้รับการเปิดเผยเวลา 10.00 น. คาดว่าจะลดลง 1.8% เหลือ 503,000 ยูนิต สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--