ผลสำรวจความคิดเห็นจากสถาบันของจีนและต่างประเทศ 17 แห่งระบุว่า ผลผลิตมวลรวมภายในประเทศ (GDP) ของจีนจะขยายตัวขึ้น 10% ขณะที่ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) จะปรับตัวเพิ่มขึ้น 6.1% ในช่วงไตรมาสที่ 3 ซึ่งปรับตัวลดลงจากช่วงไตรมาสที่สองในสัดส่วน 0.1% และ 1.7% ตามลำดับ
"นโยบายคุมเข้มทางการเงินของรัฐบาลในการควบคุมเงินเฟ้อนั้นเริ่มที่จะเห็นผลแล้ว โดยดูได้การแข็งค่าของเงินหยวนที่เป็นไปอย่างรวดเร็ว ขณะที่ปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบและการขยายตัวของผลผลิตมวลรวมภายในประเทศเริ่มชะลอตัวลง" ลู เฟง ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยปักกิ่งกล่าว
"อุปสงค์ที่เพิ่มสูงขึ้นนับตั้งแต่ปีที่ผ่านมานั้นได้รับแรงขับเคลื่อนจากการขยายตัวของปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบ" ซอง กวอจิง นักวิเคราะห์จากมหาวิทยาลัยปักกิ่งกล่าว "อย่างไรก็ตาม จากสถิติที่มีการเปิดเผยในเดือนมิ.ย.ระบุว่าแนวโน้มของปริมาณเงินหมุนเวียนนั้นยังคงอยู่ในช่วงขาลง"
นอกเหนือจากนั้น ปัจจัยหนุนยังมาจากสัดส่วนของ"เงินร้อน"ในบัญชีเงินฝากธนาคารที่หวังเก็งกำไรจากอัตราดอกเบี้ยและส่วนต่างของอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
นายซองตั้งข้อสังเกตว่า "เมื่อพิจารณาถึงการเปลี่ยนแปลงในส่วนของเงินทุนหมุนเวียน และปริมาณเงินในระบบแล้ว อัตราการขยายตัวของอุปสงค์โดยรวมคาดว่าจะชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง"
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า GDP ของจีนขยายตัว 10.6% ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้และขยายตัวขึ้น 10.1% ในไตรมาสที่สอง โดยการขยายตัวในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 10.4% ส่วนดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ช่วงครึ่งปีแรกขยายตัวที่ระดับ 7.9%
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย อรษา สงค์พูล/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--