กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เตือนว่า วิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นในตลาดซับไพรม์ของสหรัฐได้สร้างความปั่นป่วนให้กับตลาดการเงินทั่วโลก อีกทั้งยังส่งผลให้ตลาดการเงินทั่วโลกตกอยู่ในภาวะ "เปราะบาง" และทำให้ระบบการเงินตกอยู่ในความเสี่ยงเพิ่มขึ้นด้วย
"ปัญหาคุณภาพสินทรัพย์ลุกลามไปทั่วทั้งระบบ ซึ่งเป็นผลมาจากราคาที่อยู่อาศัยและภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำลง ที่ผ่านมานั้นธนาคารหลายแห่งต้องระดมทุน และมีการปรับลดมูลค่าสินทรัพย์ทางบัญชี จนถึงขณะนี้ไอเอ็มเอฟคาดว่ายอดขาดทุนของสถาบันการเงินในสหรัฐจะยังคงอยู่ที่ 9.45 แสนล้านดอลลาร์ เหมือนกับที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือนเม.ย." ไอเอ็มเอฟกล่าวในรายงานว่า Global Financial Stability Report
"แต่ภาวะตึงเครียดที่เกิดขึ้นครั้งใหม่นี้ทำให้การระดมทุนทำได้ยากลำบากขึ้น และอาจส่งผลกระทบในด้านลบต่อระบบการธนาคารและภาวะเศรษฐกิจโดยรวม อีกทั้งจะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพในระบบการเงินด้วย" ไอเอ็มเอฟกล่าว
ราคาที่อยู่อาศัยที่ชะลอตัวลงในหลายประเทศ รวมถึงประเทศในแถบยุโรป ส่งผลให้เกิดความกังวลว่าอาจมีสถาบันการเงินในตลาดปล่อยกู้จำนอง บริษัทก่อสร้าง และบริษัทอสังหาริมทรัพย์ ขาดทุนเพิ่มขึ้นอีก นอกจากนี้ ความวิตกกังวลในเรื่องดังกล่าวยิ่งทวีความรุนแรงขึ้นเมื่อราคาหุ้นของบริษัทแฟนนี เม และเฟรดดี แมค ซึ่งเป็นหน่วยงานที่รัฐบาลสหรัฐให้การสนับสนุน (GSE) และมีหน้าที่จัดหาสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้ซื้อบ้าน ร่วงลงอย่างหนัก
ไอเอ็มเอฟคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวลงแตะระดับ 4.1% ในปี 2551 จากปีที่แล้วที่ระดับ 5% และชะลอตัวลงแตะระดับ 3.9% ในปี 2552 สำนักข่าวซินหัวรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--