นักวิเคราะห์คาดตลาดอสังหาริมทรัพย์ฮ่องกงทรุดหนักในรอบ 10 เดือน เหตุวิตกเงินเฟ้อ,ตลาดหุ้นร่วง

          นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า การทำธุรกรรมซื้อขายที่พักอาศัยในฮ่องกงช่วงเดือนก.ค.อาจร่วงลงหนักสุดในรอบ 10 เดือน และคาดว่าจะลดลงต่อไปอีกระยะหนึ่ง เนื่องจากความกังวลที่ว่าตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นและตลาดหุ้นที่ทรุดตัวลงอาจฉุดราคาที่อยู่อาศัยร่วงลงด้วย
          หลุยส์ ชาง นักวิเคราะห์ด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอยู่อาศัยจากบริษัทเซนทาลีนในฮ่องกง กล่าวว่า ดัชนีชี้วัดการทำธุรกรรมซื้อขายโครงการที่อยู่อาศัยขนาดใหญ่ 10 แห่งในฮ่องกงที่นักลงทุนใช้เป็นมาตรวัดสถานภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกงนั้น ร่วงลงแตะระดับ 27 จุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว จากระดับ 33 จุดเมื่อสัปดาห์ก่อน และคาดว่ายอดขายบ้านในฮ่องกงอาจร่วงลงแตะระดับ 6,100 ยูนิตในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.ปีที่แล้ว จากเดือนมิ.ย.ที่ระดับ 7,167 ยูนิต
          "เราคาดว่าภาวะซบเซาในตลาดอสังหาริมทรัพย์ฮ่องกงจะยืดเยื้อไปจนถึงไตรมาสสาม และคาดว่าตลาดจะปรับฐานลงประมาณ 3-5% ในไตรมาสดังกล่าว" ชางกล่าว
          มูลค่าบ้านในฮ่องกงเป็นมาตรวัดสุขภาพเศรษฐกิจของฮ่องกงด้วยเช่นกัน โดยราคาบ้านพุ่งขึ้นแข็งแกร่งสุดในช่วงไตรมาสสองของปีพ.ศ.2540 จากนั้นราคาทรุดตัวลงอย่างหนักในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์การเงินในเอเชีย ต่อมาในปีพ.ศ.2543 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ทั่วโลกเผชิญกับสถานการณ์รุนแรงอย่างคาดไม่ถึง อาทิ เหตุการณ์โจมตีตึกเวิล์ดเทรดของสหรัฐเมื่อวันที่ 11 ก.ย.ปีพ.ศ.2544 และการแพร่ระบาดของโรคซาร์ส ส่งผลให้ราคาที่อยู่อาศัยในฮ่องกงทรุดตัวลงอย่างหนักถึง 70% แต่ในปีพ.ศ.2546 ราคาเริ่มฟื้นตัวขึ้น และพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเป็น 2 เท่าเมื่อ 4 ปีที่แล้ว
          คัสสัน เหลียง นักวิเคราะห์จากเครดิต สวิส คาดว่า "ตลาดอสังหาริมทรัพย์ฮ่องกงจะซบเซาไปจนถึงปลายปีพ.ศ.2551 โดยคาดว่าราคาที่อยู่อาศัยจะปรับฐานลงประมาณ 5-10% ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้"
          ขณะที่ แพทริค โชว์ นักวิเคราะห์จากบริษัทริคาคอร์ป พร็อพเพอร์ตีส์ กล่าวว่า "ธุรกรรมการซื้อขายที่อยู่อาศัยในฮ่องกงช่วงครึ่งหลังของปีอาจร่วงลงประมาณ 20-30% จากปีที่แล้ว เราคาดว่าชาวฮ่องกงจำนวนมากต้องการยกระดับที่อยู่อาศัยของตนเองด้วยการเทขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวอาจจะส่งผลกระทบต่อตลาดระดับไฮ-เอ็นด์อย่างหนัก" สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน