นักวิเคราะห์คาดยอดค้าปลีกออสเตรเลียทรงตัวเดือนมิ.ย. หลังราคาเบนซินพุ่ง

          นักวิเคราะห์ที่สำนักข่าวบลูมเบิร์กสำรวจความคิดเห็น คาดการณ์ว่า ยอดค้าปลีกประจำเดือนมิ.ย.ของออสเตรเลียอาจทรงตัว เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 12 ปี และราคาน้ำมันเบนซินที่สูงขึ้นทำให้ผู้บริโภคจับจ่ายใช้สอยน้อยลง
          โดยนักวิเคราะห์คาดว่า ยอดค้าปลีกเดือนมิ.ย.ที่สำนักงานสถิติแห่งชาติออสเตรเลียจะเปิดเผยในวันพรุ่งนี้นั้น อาจทรงตัวที่ระดับ 0.7% เท่ากับในเดือนพ.ค. เนื่องจากผู้บริโภคได้รับผลกระทบอย่างหนักจากราคาน้ำมันเบนซินพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในเดือนนี้ และราคาอาหารที่ปรับตัวสูงขึ้น นอกจากนี้ ธนาคารกลางออสเตรเลียได้ตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยเป็น 7.25% ในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 1996 โดยเกลน สตีเฟ่น ผู้ว่าการแบงค์ชาติออสเตรเลียระบุว่า "สถานการณ์ดังกล่าวยิ่งทำให้ผู้บริโภคลดการใช้จ่ายลง"
          สตีเฟ่น วอลเตอร์ส นักวิเคราะห์จากเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค ในซิดนีย์กล่าวว่า "ผู้บริโภคออสเตรเลียยังคงเผชิญวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ เราคาดว่าตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคจะยังคงลดลงเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยและต้นทุนค่าครองชีพที่สูงขึ้นกำลังบั่นทอนกำลังซื้อของภาคครัวเรือน"
          ผลการสำรวจความเชื่อมั่นภาคธุรกิจของออสเตรเลียบ่งชี้ว่า บริษัทออสเตรเลียมีทัศนะในแง่ลบมากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานที่สูงขึ้น ราคาหุ้นที่ปรับตัวลง และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลง 
          ทั้งนี้ ผลการสำรวจความเชื่อมั่นภาคธุรกิจรายไตรมาสของออสเตรเลียสำหรับไตรมาส 3 ลดลง 4 จุด สู่ระดับ -8 จุด โดยดัชนีปรับตัวลงไปแล้ว 18 จุดในปีนี้ ซึ่งเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบ 10 ปี สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน