ประธานคณะกรรมการตรวจสอบสต๊อกข้าวตามโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล เผยผลการตรวจสอบสต๊อกข้าวของรัฐบาลในรอบแรกจำนวน 2.1 ล้านตันเสร็จเรียบร้อยแล้ว โดยพบความผิดปกติเนื่องจากมีข้าวในสต๊อกเพิ่มมากว่าเดิม
"ไม่พบว่ามีข้าวสารหายไปจากโกดัง แต่กลับพบว่ามีจำนวนข้าวสารเพิ่มขึ้นมาถึง 24 กระสอบในโกดังที่จังหวัดนนทบุรี ซึ่งกำลังตรวจสอบในรายละเอียดให้ชัดเจน เพราะอาจเป็นไปได้ว่าอาจเป็นข้าวสารของโรงสีหรือโกดังที่ซื้อมาจากชาวนาเอง โดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับสต๊อกข้าวของรัฐบาลแต่อย่างใด เชื่อว่าคงได้ข้อสรุปที่ชัดเจนในเร็วๆ นี้" นายจุลยุทธ หิรัณยะวสิต ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบสต๊อกข้าวตามโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล กล่าว
คณะกรรมการฯ เตรียมเสนอรายงานให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม พิจารณา พร้อมเสนอให้พิจารณาระบายข้าวในสต๊อกออกไปให้หมด
"จากการตรวจสอบเบื้องต้นพบว่าเป็นข้าวเก่าที่รับจำนำมาตั้งแต่ปี 47/48, 48/49 และ 49/50 หากเก็บไว้นานจะยิ่งทำให้ข้าวเสื่อมสภาพมากขึ้น" นายจุลยุทธ กล่าว
ขณะเดียวกันคณะกรรมการฯ จะเสนอให้รัฐบาลสนับสนุนการจัดสร้างไซโลเก็บข้าวที่ได้มาตรฐานสากล เพื่อนำมาใช้เก็บสต๊อกข้าวของรัฐบาลให้มีคุณภาพต่อไป
ทั้งนี้ คณะกรรมการได้ตรวจสอบสต๊อกข้าวในระยะแรกระหว่างวันที่ 1-15 ก.ค.ที่ผ่านมา โดยแบ่งออกเป็น 33 ชุด ลงพื้นที่แบบปูพรม เพื่อตรวจสอบสต๊อกข้าวใน 16 จังหวัด จากโรงสีและโกดังรวม 211 แห่ง หรือประมาณ 87% ของปริมาณข้าวทั้งหมด พบว่าไม่มีปัญหาเรื่องข้าวสารหายไปจากสต๊อก แต่พบว่าข้าวที่อยู่ในสต๊อกเป็นข้าวเก่าเกือบทั้งหมด โดยเฉพาะเป็นข้าวที่รับจำนำมาตั้งแต่ปี 47/48 ซึ่งถือว่าเป็นข้าวเก่ามาก
ประธานคณะกรรมการตรวจสอบสต๊อกข้าวฯ กล่าวว่า คณะกรรมการฯ จะพิจารณาแยกปีที่รับจำนำให้ชัดเจนว่ามีจำนวนข้าวเป็นเท่าใด เพื่อความชัดเจนในการตรวจสอบรายละเอียดต่อไป ส่วนสภาพข้าวสารที่ตรวจพบนั้นเห็นว่ามีแมลง มีมอดเป็นจำนวนมากที่ปนอยู่กับเมล็ดข้าวสาร ขณะเดียวกันลักษณะของข้าวสารยังมาสภาพป่นคล้ายแป้ง และมีสีเหลือง จึงได้มอบหมายให้กรมการข้าวไปตรวจคุณภาพให้ชัดเจนว่ามีคุณภาพเป็นอย่างไร คาดว่าจะได้รับผลการตรวจสอบในอีก 1 สัปดาห์
สำหรับสภาพโรงสีและโกดังที่ใช้เก็บข้าวบางแห่งนั้นส่วนใหญ่ไม่มีปัญหา แต่มีบางจังหวัดที่เสี่ยงต่อการเกิดน้ำท่วม เช่น ที่จังหวัดพิจิตร หรือโกดังบางแห่งที่จังหวัดปทุมธานี ทำให้คุณภาพข้าวเสื่อมลง ซึ่งตรงจุดนี้พบว่าเจ้าของโกดังและโรงสี ที่มีสัญญากับองค์การคลังสินค้า (อคส.) ต้องรับผิดชอบตามสัญญา ซึ่งคณะกรรมการฯ จะเสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาปรับปรุงสภาพของโกดังและโรงสี เหล่านี้ให้ดีขึ้น เพื่อรักษาสภาพข้าวให้ได้มาตรฐาน
ส่วนผลการตรวจสอบสต๊อกข้าวระยะที่ 2 ที่เริ่มดำเนินการระหว่างวันที่ 21-28 ก.ค.ที่ผ่านมายังอยู่ระหว่างดำเนินการ โดยเป็นการตรวจสอบในพื้นที่ 18 จังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคใต้ รวมโกดังและโรงสี 15 แห่ง คิดเป็นปริมาณข้าวสารประมาณ 13% ของจำนวนข้าวทั้งหมด
--อินโฟเควสท์ โดย รบฦ3/ธนวัฏ/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--