นักวิเคราะห์จากมอร์แกน สแตนลีย์ คาดการณ์ว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ของออสเตรเลียจะเผชิญภาวะถดถอยเช่นเดียวกับสหรัฐและอังกฤษ ซึ่งเกิดจากสาเหตุเดียวกันคืออัตราการผิดนัดชำระหนี้ที่พุ่งสูงขึ้น รวมถึงราคาที่อยู่อาศัยที่ร่วงลงหนักสุดในรอบ 5 ปี ต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นมากที่สุดในรอบ 10 ปี และเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงอย่างรุนแรง
เจอร์ราด ไมแนค หัวหน้านักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์ในซิดนีย์กล่าวว่า ราคาที่อยู่อาศัยในออสเตรเลียซึ่งกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ระบุว่ามีมูลค่าต่ำกว่าตลาดนั้น มีแนวโน้มร่วงลง 30% ภายในปีพ.ศ. 2553 หลังจากราคาที่อยู่อาศัยในเมืองใหญ่ๆทุกแห่งในออสเตรเลียร่วงลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (Great Depression)
ขณะที่จอห์น เอ็ดเวิร์ดส์ ซีอีโอบริษัท Residex ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษาด้านข้อมูลราคาที่อยู่อาศัยรายใหญ่ของออสเตรเลียกล่าวว่า "ผมตกใจที่รับรู้ข้อมูลเหล่านี้ เรารวบรวมข้อมูลมาเป็นเวลา 20 ปีและพบว่าตลาดที่อยู่อาศัยของออสเตรเลียถดหลังลงไปถึงปีพ.ศ. 2408 ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติ"
Residex ระบุว่า "ราคาที่อยู่อาศัยในเมืองซิดนีย์ เมลเบิร์น บริสเบน เพิร์ธ อาดิเลด ดาร์วิน โฮบาร์ท และแคนเบอร์รา ร่วงลงประมาณ 0.6-2.2% สถานการณ์ดังกล่าวบ่งชี้ว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์กำลังเผชิญภาวะถดถอยรุนแรงที่สุดในรอบ 100 ปี ผมยังไม่เคยเห็นภาวะตกต่ำเช่นนี้มาก่อน"
ด้าน AMP Capital Investors เปิดเผยว่า หนี้สินภาคครัวเรือนของออสเตรเลียพุ่งขึ้นเกือบ 2 เท่านับตั้งแต่ปีพ.ศ.2543 ซึ่งเป็นสัดส่วนที่สูงกว่าในสหรัฐและอังกฤษ
ก่อนหน้านี้ ไอเอ็มเอฟระบุว่า ราคาที่อยู่อาศัยในออสเตรเลียต่ำกว่ามูลค่าตลาดเกือบ 25% ในรอบ 10 ปีซึ่งสิ้นสุด ณ ปีพ.ศ.2551 เมื่อเทียบกับรายได้ภาคครัวเรือนและความสามารถในการชำระหนี้ จะมีก็แต่ไอร์แลนด์และเนเธอร์แลนด์เท่านั้นที่ราคาบ้านปรับตัวสูงขึ้น สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--