ที่ประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการข้าวครบวงจร ที่มีนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานเห็นชอบให้ระบายข้าวในสต๊อก 2.1 ล้านตัน โดยขายให้กับประเทศต่างๆ ในรูปแบบของรับต่อรัฐ(จีทูจี) เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพด้านราคา ไม่เปิดประมูลให้กับเอกชนเพื่อนำไปส่งออกหรือขายในประเทศเ หลังจากที่นายกฯเคยสั่งให้ยกเลิกการนำสต็อกข้าวมาทำข้าวถุงจำหน่ายในราคาถูก
"เน้นขายข้าวแบบจีทูจีให้กับนานาประเทศ โดยขณะนี้มีประเทศแถบแอฟริกาและเอเซียติดต่อมาเป็นจำนวนมาก" นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าว
นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า หากรัฐบาลมีกำไรจากการระบายสต๊อกข้าวดังกล่าวจะนำไปใช้เป็นทุนในการรับซื้อข้าวนาปีฤดูกาลผลิตต่อไป และนายกรัฐมนตรีอยากให้มีการสร้างไซโลเก็บข้าวที่ได้มาตรฐาน ซึ่งสามารถรักษาคุณภาพข้าวไว้ได้นานถึง 3 ปี
"จะเร่งประชาสัมพันธ์โดยเร็ว เพื่อรักษาฐานลูกค้าและตลาดข้าวของไทยเอาไว้ โดยเฉพาะในประเทศแอฟริกาที่ต้องการซื้อข้าวจากไทยเป็นจำนวนมาก หลังพบคู่แข่ง อย่างอินเดีย ปากีสถาน และเวียดนาม เริ่มเข้าไปมีบทบาทในแอฟริกาที่เป็นตลาดข้าวใหญ่ของไทย ซึ่งมีมูลค่าการส่งออกข้าวถึง 1,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 50" นพ.สุรพงษ์ กล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ยังรับทราบความคืบหน้าโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปรังปี 51 ที่ดำเนินการโดยธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) ซึ่งล่าสุดเมื่อวันที่ 25 ก.ค.ที่ผานมา มีชาวนาเข้าร่วมโครงการรับจำนำแล้ว 57,205 ราย จำนวนข้าวเปลือก 734,300 ตัน มูลค่า 9,665 ล้านบาท
ขณะที่คณะกรรมการแปรสภาพข้าวสารได้รายงานให้ทราบว่าได้มีการแปรสภาพเป็นข้าวสารทุกๆ 7 วัน ซึ่งมีจำนวนข้าวสารที่แปรสภาพแล้วกว่า 4 แสนตัน โดยมีกระบวนการเก็บรักษาอย่างดีมีเทคโนโลยีทันสมัย มีโทรทัศน์วงจรปิด และใช้หลักการบริหารจัดการที่ดีมาก
--อินโฟเควสท์ โดย รบฦ3/ธนวัฏ/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--