นักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กสัปดาห์นี้จะเป็นไปอย่างผันผวนเนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่าอัตราว่างงานเดือนก.ค.พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 4 ปี นอกจากนี้ คาดว่านักลงทุนจะจับตาดูรายงานผลประกอบการของบริษัทรายใหญ่ๆในสัปดาห์นี้ด้วย
ไมเคิล สตรอส นักวิเคราะห์จากบริษัทคอมมอนฟาวด์ในกรุงนิวยอร์ก กล่าวว่า นอกเหนือจากรายงานผลประกอบการของบริษัทรายใหญ่แล้ว นักลงทุนยังจับตาดูการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะมีขึ้นในวันอังคารที่ 5 ส.ค.นี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นไว้เท่าเดิมที่ 2.00%
"ในช่วงต้นสัปดาห์ที่แล้วตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับแรงหนุนจากข่าวการระดมทุนของเมอร์ริล ลินช์ และบริษัทแอมแบค ไฟแนนเชียล ซึ่งเป็นบริษัทประกันหุ้นกู้ แต่ในช่วงปลายสัปดาห์ตลาดผันผวนอย่างรุนแรงเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากอัตราว่างงานเดือนก.ค.พุ่งขึ้นรุนแรงสุดในรอบ 4 ปี" สตรอสกล่าว
"ส่วนบริษัทที่จะรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้และอยู่ในความสนใจของนักลงทุน ได้แก่ บริษัทพร็อกเตอร์ แอนด์ แกมเบิ้ล (พีแอนด์จี) บริษัทซิสโก ซิสเต็มส์ บริษัทอเมริกัน อินเตอร์เนชันแนล กรุ๊ป (เอไอจี) บริษัทเฟรดดี แมค และบริษัทสปรินท์ เน็กซ์เทล ซึ่งหากผลประกอบการของบริษัทเหล่านี้ออกมาดี ก็จะกระตุ้นบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กให้คึกคึกขึ้นด้วย" เขากล่าว
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆของสหรัฐในสัปดาห์นี้ รวมถึงดัชนีชี้วัดภาคบริการประจำเดือนก.ค. ยอดการทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (Pending Home Sale) ประจำเดือนก.ค. และรายงานประสิทธิภาพด้านการผลิตของคนงานสหรัฐประจำไตรมาสสอง
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลง 51.70 จุด หรือ 0.45% แตะระดับ 11,326.32 จุด หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า อัตราว่างงานเดือนก.ค.พุ่งขึ้น 5.7% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2547 ขณะที่ตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตรร่วงลง 51,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นการปรับตัวลดลงติดต่อกันเดือนที่ 7 สำนักข่าวเอพีรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--