นักวิเคราะห์ในตลาดวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อในสหรัฐยังมีไม่มากพอที่จะกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจขึ้นอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้น (fed fund rate) ในการประชุมคืนนี้ (ตามเวลาประเทศไทย) แต่เลือกที่จะตรึงดอกเบี้ยเอาไว้เท่าเดิมที่ 2.00% เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง
โจเอล นารอฟฟ์ นักวิเคราะห์จากบริษัทนารอฟฟ์ อิโคโนมิก แอดไวซอรีส์ กล่าวว่า "จริงอยู่ที่ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) ของสหรัฐอยู่ในระดับสูงและอาจส่งผลต่อการตัดสินใจของคณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดในการประชุมคืนนี้ แต่เราเชื่อว่าเฟดจะยังไม่ตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยในระยะนี้"
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า รายได้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 0.1% และการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 0.6%ในเดือนมิ.ย. ส่วนดัชนีราคาการใช้จ่ายด้านการอุปโภคบริโภคส่วนบุคคล (PCE) พื้นฐานซึ่งไม่รวมราคา อาหารและพลังงาน เพิ่มขึ้นเกินคาด 0.3 %ในเดือนมิ.ย.
ขณะที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนมิ.ย. เพิ่มขึ้น 1.1% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2548 โดยมีสาเหตุหลักมาจากราคาน้ำมันเบนซินที่พุ่งขึ้น และเป็นการปรับตัวขึ้นสูงกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.7%
ด้านนายจอห์น ไรดิง นักวิเคราะห์จากบริษัทอาร์ดีคิว อิโคโนมิคส์ คาดว่า "เฟดจะตรึงดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมที่ 2% ในการประชุมคืนนี้" ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์รายอื่นๆคาดว่า มีโอกาส 90% ที่เฟดจะตรึงดอกเบี้ย
แอนดรูว์ บุช นักยุทธศาสตร์การลงทุนด้านปริวรรตเงินตราต่างประเทศจากบริษัทบีเอ็มโอ แคปิตอล ในเมืองชิคาโก กล่าวว่า "นักลงทุนส่วนใหญ่จับตาดูการประชุมเฟดในคืนนี้ โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ในระยะใกล้นี้ เบน เบอร์นันเก้ ประธานเฟดจะให้ความสำคัญกับการกระตุ้นเศรษฐกิจมากกว่าการสกัดกั้นเงินเฟ้อ ซึ่งเหตุผลดังกล่าวจะทำให้เฟดตัดสินใจตรึงดอกเบี้ยเอาไว้ที่ 2.00%"
สำนักข่าวธอมสัน ไฟแนนเชียลรายงาน การประชุมเฟดครั้งหลังสุดเมื่อวันที่ 25 มิ.ย.ที่ผ่านมานั้น คณะกรรมการเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นไว้เท่าเดิมที่ 2.00% และคงอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน (discount rate) ที่ 2.25% ซึ่งเป็นการลงมติด้วยคะแนนเสียง 9 ต่อ 1 อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดได้แสดงความวิตกกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ
คณะกรรมการเฟดได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมในครั้งนั้นว่า "อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นปานกลางในปีนี้และปีหน้า ราคาน้ำมันและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ประเภทอื่นๆยังคงพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสถานการณ์ดังกล่าวทำให้อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐเพิ่มขึ้นด้วย"
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--