สแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด เปิดเผยว่า กำไรสุทธิในช่วงครึ่งปีแรกขยายตัวขึ้นถึง 30% แตะ 1.785 พันล้านดอลลาร์ จากระดับ 1.370 พันล้านดอลลาร์ในปีที่แล้ว เนื่องจากการขยายตัวที่แข็งแกร่งในเอเชียและประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่ ซึ่งช่วยชดเชยภาวะขาดทุนจากการทำธุรกิจในสหรัฐและยุโรป
กำไรก่อนหักภาษีของธนาคารพุ่งขึ้น 30.6% แตะ 2.586 พันล้านดอลลาร์ รายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิ (NII) เพิ่มขึ้น 26% แตะ 3.71 พันล้านดอลลาร์ และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย เพิ่มขึ้น 42% แตะ 3.28 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 34% แตะ 3.9 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากต้นทุนด้านพนักงานที่เพิ่มขึ้น
เมอร์วิน เดวีส์ ประธานกล่าวว่า เป้าหมายทางยุทธศาสตร์ของเราอยู่ที่เอเชีย แอฟริกา และตะวันออกกลาง หลักการบริหารที่มั่นคง ซึ่งจะช่วยให้ธนาคารทำกำไรเช่นนี้ได้ แม้ว่าตลาดไฟแนนซ์ทั่วโลกจะผันผวนก็ตาม
สำนักข่าวซินหัวไฟแนนซ์รายงานว่า ธุรกิจของธนาคารในฮ่องกงสามารถทำรายได้ในช่วงครึ่งปีแรกได้มากที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับภูมิภาคอื่นๆ โดยสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ดในฮ่องกงสามารถทำกำไรก่อนหักภาษีได้ 656 ล้านดอลลาร์ในช่วงครึ่งปีแรก เพิ่มขึ้น 28% จากระดับ 514 ล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย สุนิตา พรรณรักษา/ปนัยดา โทร.0-2253-5050 ต่อ 323 อีเมล์: panaiyada@infoquest.co.th--