นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช รมช.คลังคนใหม่ กล่าวภายหลังการเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ โดยระบุว่าพร้อมเดินหน้างานที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่ โดยเน้นการทำงานประสาน 3 นโยบาย คือ การเงิน, การคลัง และพลังงาน ซึ่งปัญหาขณะนี้คือต้องเร่งให้เกิดความเชื่อมั่นต่อคนไทยและประเทศไทย โดยเร่งขยายการลงทุน สร้างรายได้จากภาคการท่องเที่ยวและส่งออกให้มากขึ้น เพื่อให้เศรษฐกิจเติบโตได้มากขึ้น
นายสุชาติ คาดว่าเศรษฐกิจปีนี้อาจโตได้ราว 4-5% แต่ช่วงครึ่งปีหลังปัจจัยที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดคือ เรื่องการเมือง ที่จะต้องเร่งเข้ามาแก้ไขให้เกิดความสมานฉันท์ เพราะหากการเมืองยังคงสร้างปัญหาเช่นนี้ต่อไปอาจจะส่งผลกดดันให้เศรษฐกิจไทยปีนี้โตได้เพียง 3-4% ได้
นอกจากนี้ปัญหาเงินเฟ้อที่สูงอยู่ในปัจจุบัน หากไม่ได้รับการดูแลแก้ไขจะยิ่งทำให้ความเชื่อมั่นลดลงไปเรื่อยๆ ดังนั้นการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังจะต้องพิจารณาปัจจัยดังกล่าวประกอบด้วย อย่างไรก็ดี หากไทยมีการบริหารบ้านเมืองที่ดี การเมืองและสังคมมีความสงบเรียบร้อย เช่น ญี่ปุ่น สิงคโปร์ และจีน ก็จะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ถึง 8%
รมช.คลัง ยืนยันจะเดินหน้านโยบายเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน และเห็นว่า 6 มาตรการ 6 เดือน สามารถช่วยลดรายจ่ายให้แก่ประชาชนได้ดีในภาวะที่ค่าครองชีพสูง และน่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในครึ่งหลังของปีนี้ให้ขยายตัวได้เพิ่มขึ้นราว 0.8% หรือคิดเป็นผลผลิตมวลรวมเพิ่มขึ้น 8 หมื่นล้านบาท ในขณะที่รัฐบาลอาจสูญเสียรายได้ 4.6 หมื่นล้านบาท แต่เชื่อว่าจะมีรายได้อื่นๆ เข้ามาทดแทน
"ฐานะของไทยไม่ค่อยดี ถือเป็นประเทศยากจน เหมือนเด็ก 5-6 ขวบ ภาวะในปัจจุบันไม่ใช่เงินเฟ้อ แต่เป็นของแพง มีสินค้าให้ซื้อ แต่ไม่มีเงิน ซึ่ง 6 มาตรการ ช่วยผ่อนคลายได้ ทำให้ภาครัฐสูญเสียรายได้ไป 46,000 ล้านบาท แต่จะทำให้ได้ภาษีคืนมา 12,000 ล้านบาท และจีดีพีขยายตัวเพิ่มขึ้น 0.8%" นายสุชาติ กล่าว
นายสุชาติ กล่าวว่า เศรษฐกิจของไทยยังคงมีความเสี่ยงจากปัจจัยการเมืองและเงินเฟ้อซึ่งหากไม่ได้รับการดูแลจะทำให้ความเชื่อมั่นลดลงไปเรื่อยๆ
--อินโฟเควสท์ โดย คลฦ/กษมาพร/ศศิธร โทร.0-2253-5050 ต่อ 345 อีเมล์: sasithorn@infoquest.co.th--