นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะตรึงอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้น (fed fund rate) ไปจนถึงปีหน้า เพื่อรอให้วิกฤตการณ์สินเชื่อและภาวะเงินเฟ้อคลี่คลายลงก่อน หลังจากที่เฟดตัดสินใจตรึงดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นเมื่อคืนนี้ และแสดงความกังวลเรื่องเฟ้อ
คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยประเภทระยะสั้นที่ 2.00% และคงอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน (discount rate) ในการประชุมครั้งล่าสุดซึ่งเสร็จสิ้นเมื่อคืนนี้ (ตามเวลาประเทศไทย) พร้อมกับออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมว่า "คณะกรรมการเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยไว้เพื่อพยุงเศรษฐกิจให้ขยายตัวต่อไปได้ แต่เฟดยอมรับว่าอัตราเงินเฟ้อภายในประเทศยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นผลมาจากราคาน้ำมันและสินค้าโภคภัณฑ์ประเทศอื่นๆที่พุ่งสูงขึ้น สถานการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ตัวเลขเงินเฟ้อสูงขึ้นเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้"
"คณะกรรมการเฟดคาดว่า ตัวเลขเงินเฟ้อจะขยายตัวขึ้นอีกในปีนี้และปีหน้า และเงินเฟ้อยังคงเป็นหนึ่งในตัวเลขเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูงมาก หนึ่งในข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดที่เฟดพิจารณาว่าเป็นต้นเหตุของเงินเฟ้อได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภค (ซีพีไอ) เดือนมิ.ย. ที่เพิ่มขึ้น 1.1% ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2548 โดยมีสาเหตุหลักมาจากราคาน้ำมันเบนซินที่พุ่งขึ้น และสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 0.7%" แถลงการณ์เฟดระบุ
ไลล์ แกรมลีย์ อดีตผู้ว่าการเฟดซึ่งผันตัวเองมาเป็นที่ปรึกษาเศรษฐกิจให้กับบริษัทสแตนฟอร์ด กรุ๊ป ในกรุงนิวยอร์ก กล่าวว่า "เฟดไม่ต้องการเอาเรือเข้าไปขวางในขณะที่น้ำกำลังเชี่ยว เฟดแค่อยากจะบอกประชาชนว่าประเด็นเงินเฟ้อเป็นประเด็นที่เฟดยังคงกังวลใจ แต่ก็ยังไม่ตัดสินใจที่จะใช้มาตรการทางการเงินสกัดกั้นเงินเฟ้อในยามที่เศรษฐกิจอ่อนแอเช่นนี้"
ขณะที่สตีเฟ่น สแตนลีย์ หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัทอาร์บีเอส กรีนวิช แคปิตอล มาร์เก็ตส์ กล่าวว่า "เราประเมินว่าเฟดจะยังไม่ปรับเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยในระยะนี้ แถลงการณ์ของเฟดเมื่อคืนนี้ค่อนข้างปลี่ยนแปลงไปจากการประชุมครั้งก่อน เราตั้งข้อสังเกตว่าเฟดพยายามสงวนท่าทีในการแถลงข่าวและพยายามใช้ถ้อยคำที่ลดกระแสคาดการณ์ในตลาดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อไม่ให้ตลาดตื่นตระหนกแม้เฟดเองยังคงกังวลเรื่องเงินเฟ้อ"
นอกเหนือจากการแสดงความกังวลเรื่องเงินเฟ้อแล้ว คณะกรรมการเฟดยังกล่าวว่า "เศรษฐกิจสหรัฐอ่อนแอลงมาก แต่ถึงกระนั้น กิจกรรมทางเศรษฐกิจในไตรมาสสองของปีนี้ยังคงขยายตัวได้ดี ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคและการส่งออกยังคงมีการขยายตัว อย่างไรก็ตาม ตลาดแรงงานยังคงชะลอตัวลง และตลาดการเงินยังคงอยู่ในภาวะตึงตัว เนื่องจากมีสถาบันการเงินหลายแห่งขาดสภาพคล่อง"
"เฟดประเมินว่า ภาวะตึงตัวในตลาดการเงิน ภาวะตกต่ำในตลาดที่อยู่อาศัย และราคาพลังงานที่พุ่งขึ้นอย่างรุนแรง จะฉุดรั้งอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐต่อไปในอีก 2-3 ไตรมาสข้างหน้า นอกจากนี้ เฟดประเมินว่าแม้เศรษฐกิจสหรัฐยังคงมีความเสี่ยงที่จะเผชิญช่วงขาลง แต่ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อก็ยังอยู่ในระดับสูงและเป็นสิ่งที่คณะกรรมการเฟดกังวลใจเป็นอย่างยิ่ง" แถลงการณ์ของเฟดระบุ สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/สุนิตา โทร.0-2253-5050 ต่อ 315 อีเมล์: sunita@infoquest.co.th--