นักเศรษฐศาสตร์กล่าวว่า การที่ชาวอเมริกันเซ็นสัญญาซื้อบ้านมือสองน้อยลงในเดือนมิ.ย. ก่อให้เกิดความวิตกกังวลว่ามูลค่าบ้านอาจลดลงอีก
ผลสำรวจความคิดเห็นของนักเศรษฐศาสตร์ 37 ท่านซึ่งจัดทำโดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กคาดว่า ดัชนียอดการทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) จะลดลง 1% ในเดือนมิ.ย. หลังจากที่ร่วงลงกว่า 4.7% ในเดือนพ.ค. ซึ่งหากเป็นจริงจะถือเป็นการลดลงครั้งที่ 2 ติดต่อกัน และเป็นการลดลงครั้งที่ 4 ในรอบปี
ปัจจุบันผู้บริโภคต่างเลื่อนการซื้อบ้านออกไปก่อน โดยยอดขายบ้านที่ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 26 ปีกดดันให้ราคาบ้านลดลง นอกจากนั้นการปล่อยเงินกู้ที่เข้มงวดกว่าเดิมยังส่งผลให้การซื้อบ้านเป็นไปได้ยาก ซึ่งปัจจัยทั้งหมดชี้ให้เห็นว่าปริมาณการซื้อบ้านน่าจะลดลงอีก
"เรามีบ้านค้างสต็อกมากเกินไป" โจเซฟ บรูซูลัส หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์จาก Merk Investments LLC ในแคลิฟอร์เนีย กล่าว "มีแนวโน้มว่าตลาดอสังหาริมทรัพย์จะชะลอตัวลงอีกในช่วงที่เหลือของปีนี้ไปจนถึงช่วงต้นปีหน้า"
สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติมีกำหนดเปิดเผยยอดการทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขายอย่างเป็นทางการในเวลา 10.00 น.ตามเวลาวอชิงตัน โดยนักวิเคราะห์คาดว่าตัวเลขดังกล่าวจะอยู่ระหว่างหดตัว 3% ถึงขยายตัว 3.5% สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน
--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปรียพรรณ มีสุข/รัตนา โทร.0-2253-5050 ต่อ 327 อีเมล์: ratana@infoquest.co.th--